Why Nostr? What is Njump?
2024-08-10 14:06:24

pango on Nostr: บันทึกไดอารี่ 10.8.67 ...

บันทึกไดอารี่ 10.8.67

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็นวันที่เงียบเงียบวันนึงที่ร้านเปิดให้บริการตามปกติ คุณน้าที่ทำงานที่ร้านมานานก็พูดขึ้นมาว่า 'วันนี้วันครบรอบร้านอายุ 19 ปีแล้วนะ ซึ่งปีหน้าก็ 20 ปีพอดี' ตอนนั้นมันเกิดความรู้สึกนึงในใจว่า เออ..มันต้องมีอะไรพิเศษสักอย่างเกิดขึ้น แต่.. มันต้องไม่ได้เกิดจากพ่อหนูริเริ่มแน่นอน (งานจุกจิกที่นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจไม่ใช่ทางอยู่แล้ว)

ไม่เคยคิดว่าต้องจัดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะก็ไม่เคยทำอะไรที่บ้านเองเหมือนกัน ในความหมายคือ ต่อให้เราจะเคยทำกิจกรรม ทำค่าย เป็นเฮดนู่นนี่นั่นในตอนเรียนมหาลัย แต่กับที่บ้านเรา ที่ที่เราเติบโตมาและด้วยผู้ใหญ่รายล้อมมากมาย เรากลับไม่เคยต้องเป็นเฮดจัดการอะไรสักอย่างเลย เราเป็นผู้ตามตลอดเลย

ยกตัวอย่างเช่น งานทำบุญบ้าน ไปวัด และกิจกรรมทางศาสนา เรามีหน้าที่แค่พาตัวเองมา สวดมนต์ ถวายอาหารพระ ตักบาตร แผ่เมตตา ฯลฯ ไม่เคยรู้ว่าต้องเตรียมอะไร มีขั้นตอนยังไง ถามว่าตอนนั้นเข้าใจไหม อินไหม ไม่เลย ออกไปในแนวเข้าไม่ถึง อารมณ์งงๆ แหละ ทำไมต้องมาพูดภาษาที่เราไม่เข้าใจความหมาย รวมถึงทำอะไรที่เค้าทำตามๆกันด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำนะ ให้ทำก็ทำ ไม่ได้ขัดอะไร (ยกเว้นการไปนอนวัดนะ อันนี้ไม่ไหวจริงๆ)

ตัดภาพกลับมา สรุปก็คือ วันนั้นตัดสินใจกับตัวเองว่าคงจัดงานทำบุญเล็กๆ แหละ เพื่อให้เป็นสิริมงคลและเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำวันนึง (ที่ไม่ใช่นั่งทำงานตามปกติ)

วันเวลาผ่านไปหลายเดือน เราก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ ช่วงนั้นก็มองๆ จีบๆ ร้านอาหารหลายๆที่ ดูความเป็นไปได้ เทสคุณภาพ พูดคุยสอบถามไปเรื่อยๆ จนเวลาคลืบคลานเหลืออีก 2-3 เดือนจะถึงวันครบรอบร้านอีกครั้งแล้ว จังหวะนั้นเราต้องตัดสินใจแล้วว่า จะจัดหรือไม่จัดงาน!

เอาจริงนะ จังหวะเดียวกันนั่นแหละ เราก็คิดอะไรง่ายๆเหมือนเดิมว่า จัดแหละ (ไม่ใช่ฉันแล้วจะใคร อันนี้ไม่ได้พูดออกไปนะ) คือตามธรรมชาติไม่ได้มีใครอยากเป็นคนออกตัวรับผิดชอบหน้าที่หรือจัดการอะไรอยู่แล้ว แต่ความคิดของเราคือ เรามั่นใจในพลังแห่งการให้และแบ่งปันของโลกใบนี้ วันที่พ่อมาที่นี่แต่ตัวและพลังอันเปี่ยมล้นในการเริ่มธุรกิจ ลูกค้าที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พ่อสร้างและทำ ก็ต่างเข้ามาอุดหนุนและสนับสนุนจนร้านอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และพวกเขาเหล่านั้นในวันนี้เราแทบไม่น่าจะเรียกว่าการค้าขายกันแล้ว แทบจะเป็นญาติกันแทน (ซื้อของ 5 นาที นั่งคุย 2 ชั่วโมง เอาสิ!)

ดังนั้น การจัดงานนี้ คือ นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคล ยังเป็นการขอบคุณไปพร้อมๆ กัน นี่คือสิ่งหลักที่เรานึกถึงและอยากทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้

เชื่อไหมว่า.. หลังจากที่ตัดสินใจอันแน่วแน่และจะเรียกว่ามั่นหน้าก็ย่อมได้ ผู้คน ร้านอาหารที่เรานึกถึงและอยากติดต่อให้มาเป็นส่วนนึงในงานปรากฎตัวที่หน้าร้านเกือบครบทุกคน ถึงมีบางส่วนที่ต้องใช้การโทรศัพท์ แต่ทั้งติดต่อง่ายและตอบตกลงทันทีหมดเลย (นึกถึงยังขนลุก) และบางคนที่เรานึกไม่ถึงว่าเค้าอยากช่วยเราขนาดนี้ก็ทยอยเสนอตัวกันเข้ามา

พ่อเป็นคนขี้เกรงใจ ก็มีลูกค้าหลายคนที่แกไม่อยากโทรไปรบกวน เราก็ใช้ความลูกดีเด่น ไปคุ้ยเบอร์และโทรตามมาให้ได้ บางคนคือเราโทรหาเพียง 1 วันก่อนวันงาน เขาโผล่หน้ามาแต่เช้าพร้อมขนมที่ทำเองเพื่อมาร่วมทำบุญด้วย ซึ้งเลย..

สุดท้ายผู้ชายปากแข็งที่ชื่อ ‘พ่อ’ ก็โทรไปชวนพี่น้องหลายๆคนที่มีส่วนทำให้เกิดร้านนี้มา และบางคนพ่อขับรถไปรับมาที่งานด้วยตนเอง งานดำเนินไปราบรื่นดี ไม่มีสะดุด อาหารอร่อยเหลือกินเหลือใช้ ข้าวของในงานทุกชิ้นเลือกเองและใช้ของดี คงคอนเซปชาติหน้าอยากกินอะไรอยากใช้อะไรก็เลือกแบบนั้นมาเลย ทุกคนที่มางานเหมือนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ บ้างก็เอาอาหารมาร่วมทำบุญ บ้างก็มาช่วยจัดจานสำรับพระ บ้างก็คอยบอกเราว่าต้องตักบาตรแล้วนะ ต้องทำอะไรต่อ ผลลัพธ์คือ ทุกคนแฮปปี้ พ่อดูหน้าบานและดูมีความสุขมาก แต่แน่นอนว่าไม่มาพูดอะไรกับคนจัดงานด้วยตนเองแน่นอน

การแบ่งปันคุณค่าและสิ่งดีดีให้กับคนอื่นและสังคม คือ ธรรมชาติของมนุษย์จริงๆ นะ :)

pango :3
#siamstr

ปอลอ 1 จังหวะถวายสังฆทานแล้วเราพูดอธิษฐานขอให้พ่อรวยๆ ทำพระขำ
ปอลอ 2 ไม่ใช่คนชอบขยับตัวมาก เพราะงั้นทุกการขยับตัวทำอะไร มันต้องดีย์
ปอลอ 3 มันจะดีกว่านี้มาก ถ้าไม่มีคนถามว่าไหนเจ้าบ่าว 5555
Author Public Key
npub1hwaqxl6lh5mf5r5gly5jpjh0xfucc4ltrl7pclxqzdrfxv7a2ekqsmns92