Jakk Goodday on Nostr: การชี้นิ้วออก vs. ...
การชี้นิ้วออก vs. การชี้นิ้วเข้า
เราอาจเคยได้ยินว่า “อย่าชี้นิ้วโทษคนอื่น” หรือ “อย่าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองมากเกินไป”
แต่ในความเป็นจริง การชี้นิ้วออก และการชี้นิ้วเข้า ไม่ได้เป็นเรื่องของ “ผิด” หรือ “ถูก” เพียงอย่างเดียว
มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
การชี้นิ้วออก >> มองออกไปนอกตัวเอง
“ทำไมพนักงานไม่ขยัน? องค์กรต้องจัดการให้ดีกว่านี้!”
“ก็เพราะสังคมมันเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงไม่มีโอกาส”
✅ ใช้เพื่อระบุปัญหาภายนอกที่อาจต้องเปลี่ยนแปลง
✅ กระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในระดับสังคม องค์กร หรือระบบ
❌ ถ้าหมกมุ่นกับการชี้นิ้วออกมากเกินไป อาจทำให้เราติดอยู่กับ mindset ของ “เหยื่อ”
❌ อาจเป็นการผลักภาระให้คนอื่นรับผิดชอบ โดยไม่พยายามแก้ไขจากฝั่งตัวเอง
การชี้นิ้วเข้า >> หันกลับมามองตัวเอง
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบตลอด? หรือฉันไม่ได้ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน?”
“ฉันบ่นว่าเพื่อนร่วมงานไม่โอเค แต่ฉันเคยสื่อสารให้เขารู้ไหมว่าฉันต้องการอะไร?”
✅ ช่วยให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง
✅ ทำให้เรามีอำนาจเหนือสถานการณ์ เพราะเราสามารถเลือกเปลี่ยนแปลงได้
❌ ถ้าหันนิ้วเข้าหาตัวเองมากเกินไป อาจนำไปสู่การตำหนิตัวเองโดยไม่จำเป็น
❌ อาจทำให้ละเลยปัจจัยภายนอกที่จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนแปลง
แล้วเราควรใช้แบบไหน?
จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ “เลือกแค่แบบเดียว” แต่มันคือ ความสมดุล ระหว่างการมองออกไปนอกตัวเอง กับการย้อนกลับมามองตัวเอง
ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่ยุติธรรม” >> ถามตัวเองว่า ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้มันดีขึ้น แทนที่จะรอให้คนอื่นเปลี่ยน
ถ้าคุณพบว่า “ตัวเองต้องเปลี่ยน” >> อย่าลืมว่า บางครั้งปัญหาก็มาจากระบบ สังคม หรือโครงสร้างที่เราควรช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่แค่ปรับตัวเองให้เข้ากับมัน
ใช้การชี้นิ้วให้เป็นพลังในการเปลี่ยนแปลง
การชี้นิ้วออก >> ใช้เพื่อตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นปัญหาในระบบ แต่ต้องไม่ใช่ข้ออ้างให้เราหยุดพัฒนา
การชี้นิ้วเข้า >> ใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ต้องไม่เป็นกับดักที่ทำให้เราตำหนิตัวเองตลอดเวลา
ในท้ายที่สุด...
โลกจะเปลี่ยนไปได้ เมื่อเราทั้ง "กล้าที่จะตั้งคำถามกับมัน" และ "กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง" พร้อมกัน
Published at
2025-02-23 03:30:18Event JSON
{
"id": "0000948211a17b0299ca1fac225a9db86ebff652db5972b646c2036cc8f752bf",
"pubkey": "d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62",
"created_at": 1740281418,
"kind": 1,
"tags": [
[
"e",
"00006ae5cf1787420b31f2b8f7c6d73e8165ccb34ba9ddcb471eb2997970395b",
"",
"root"
],
[
"p",
"d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62"
],
[
"nonce",
"2711",
"16"
]
],
"content": "การชี้นิ้วออก vs. การชี้นิ้วเข้า\n\nเราอาจเคยได้ยินว่า “อย่าชี้นิ้วโทษคนอื่น” หรือ “อย่าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองมากเกินไป” \n\nแต่ในความเป็นจริง การชี้นิ้วออก และการชี้นิ้วเข้า ไม่ได้เป็นเรื่องของ “ผิด” หรือ “ถูก” เพียงอย่างเดียว \n\nมันเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน\n\nการชี้นิ้วออก \u003e\u003e มองออกไปนอกตัวเอง\n\n“ทำไมพนักงานไม่ขยัน? องค์กรต้องจัดการให้ดีกว่านี้!”\n\n“ก็เพราะสังคมมันเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงไม่มีโอกาส”\n\n✅ ใช้เพื่อระบุปัญหาภายนอกที่อาจต้องเปลี่ยนแปลง\n✅ กระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในระดับสังคม องค์กร หรือระบบ\n\n❌ ถ้าหมกมุ่นกับการชี้นิ้วออกมากเกินไป อาจทำให้เราติดอยู่กับ mindset ของ “เหยื่อ”\n❌ อาจเป็นการผลักภาระให้คนอื่นรับผิดชอบ โดยไม่พยายามแก้ไขจากฝั่งตัวเอง\n\nการชี้นิ้วเข้า \u003e\u003e หันกลับมามองตัวเอง\n\n“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบตลอด? หรือฉันไม่ได้ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน?”\n\n“ฉันบ่นว่าเพื่อนร่วมงานไม่โอเค แต่ฉันเคยสื่อสารให้เขารู้ไหมว่าฉันต้องการอะไร?”\n\n✅ ช่วยให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง\n✅ ทำให้เรามีอำนาจเหนือสถานการณ์ เพราะเราสามารถเลือกเปลี่ยนแปลงได้\n\n❌ ถ้าหันนิ้วเข้าหาตัวเองมากเกินไป อาจนำไปสู่การตำหนิตัวเองโดยไม่จำเป็น\n❌ อาจทำให้ละเลยปัจจัยภายนอกที่จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนแปลง\n\nแล้วเราควรใช้แบบไหน?\n\nจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ “เลือกแค่แบบเดียว” แต่มันคือ ความสมดุล ระหว่างการมองออกไปนอกตัวเอง กับการย้อนกลับมามองตัวเอง\n\nถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่ยุติธรรม” \u003e\u003e ถามตัวเองว่า ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้มันดีขึ้น แทนที่จะรอให้คนอื่นเปลี่ยน\n\nถ้าคุณพบว่า “ตัวเองต้องเปลี่ยน” \u003e\u003e อย่าลืมว่า บางครั้งปัญหาก็มาจากระบบ สังคม หรือโครงสร้างที่เราควรช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่แค่ปรับตัวเองให้เข้ากับมัน\n\nใช้การชี้นิ้วให้เป็นพลังในการเปลี่ยนแปลง\n\nการชี้นิ้วออก \u003e\u003e ใช้เพื่อตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นปัญหาในระบบ แต่ต้องไม่ใช่ข้ออ้างให้เราหยุดพัฒนา\n\nการชี้นิ้วเข้า \u003e\u003e ใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ต้องไม่เป็นกับดักที่ทำให้เราตำหนิตัวเองตลอดเวลา\n\nในท้ายที่สุด...\n\nโลกจะเปลี่ยนไปได้ เมื่อเราทั้ง \"กล้าที่จะตั้งคำถามกับมัน\" และ \"กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง\" พร้อมกัน",
"sig": "04b8fda40e6a11be197d241e9b740535b6f04caf5f6c79ef548330486101379b2b388a7dcf4c04e873bb02da4d1723067a4249fdb7a0a571137f620358e2c9b6"
}