ฉบับเต็ม uncut version แบบดิบและเถื่อน*
Introduction
Technology + Energy & power Technology ยิ่งมีการพัฒนามากขึ้น เราประหยัดเวลามากขึ้น แต่ยังไงเราก็ยังต้องใช้ Energy & power มากตามการพัฒนาอยู่ดี
Consume & Saving
Time = เวลาในชีวิต
1. working 2. playing
ยิ่งอยากมีเวลา playing เยอะๆ เราต้องยิ่งลงทุนในเวลา
100% produced
75% To consume (ทำกิน) 25% Saving for Capital Investment (ทำทุน) ต้องทำทุนต่อไป เพื่อสร้าง output เป็น product & service ต่อไปให้ผู้อื่นอีกเรื่อยๆ
savings เกิดจากการ give up on consumption
Money to Capital circulation
(SAVING** is mother of capital) เมื่อจะลงทุน (Investment) หรือ การนำไอเดียไปต่อยอดทำธุรกิจ (สร้าง Capital goods) สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ Finance
How to finance it?
3 ways
- own saving มี savings เองเท่าไหร่
- borrowing ยืมคนอื่น ที่เขามี savings (energy คนอื่น) อย่าลืมว่ามี cost เขาต้องได้ yields ของการเสียโอกาสในการลงทุนของเขา แต่เมื่อเป็นของเราแล้ว เรามี money = purchasing power > เปลี่ยนไปเป็นปัจจัยในการผลิต *money is not captital goods
- Equity shares *พี่ชิตใช้เพื่อเปิดสาขา chit hole แบ่งความเป็นเจ้าของให้กับคนที่มี energy
เราอาจจะใช้ทั้ง 3 วิธี เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยการผลิต หรือ Capital goods ในที่สุด
ขั้นตอน Investing (Capital goods)
- Labor / Land
- production goods
- Technology
- Energy ทุกคนต้องแข่งขันกันเพื่อลดต้นทุน และ เพิ่ม productivity
ผู้บริโภคควรต้องซื้อของถูกลง และ คุณภาพดีขึ้น จากเทคโนโลยีที่ดีขึ้น และ productivity ที่สูงขึ้น เพราะ Capital goods ก็สามารถถูก degraded ได้ ทำให้เกิดการแข่งขันตลอดเวลา เกิดการพัฒนาการผลิต แต่ในปัจจุบัน ทั้งผู้ผลิต (capitalists) และผู้บริโภค (consumers) ต่างต้องซื้อของที่แพงขึ้น และพบกับราคาสินค้าและปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้นตลอดเวลา There’s something wrong!
Treasury strategy (ยุทธศาสตร์การคลัง) Capitalist จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์การคลัง เก็บ Economic energy ไว้ (energy savings) เนื่องจากจำเป็นต้องใช้มันตลอดเวลา เพราะหลังเราผลิตอะไรได้ เราจะมี working capital หมุนเวียนอยู่ในขั้นตอนการผลิต อาจต้องเก็บไว้เป็นเงินสำรองเพื่อขยายเครื่องจักร เพิ่มความสามารถในการผลิต ไม่ใช่เป็น savings ทั้งหมด
Trading & Exchange หลัง producing จนเกิด Consumer goods คือ product และ service สุดท้ายจะได้ money กลับมา และวนกลับไปสู่กระบวนการผลิตต่อไป
Credit Expansion
Bank is the money multiplier Savings ที่เราเก็บไว้ ทำไมมันเสื่อมค่าตลอดเวลา ?
Bank (Fractional-reserve banking) Bank create new money supply ไปในระบบ (Inflation) และทำให้ระบบ Loan ไม่ไปที่ production สุดท้าย Loan ไปที่ Consumption ซึ่งการเข้าไปที่ Consumption จะทำให้เราบริโภคผลผลิตจากอนาคต
Production LOAN: (ฝั่ง Investment)
Capitalist investing capital for future expected profit
Consumption LOAN: (ฝั่ง Spending)
Consumer spending expected future productive value now
สุดท้ายการเก็บหอมรอมริบจากในอดีตถูกทำลาย เกิด Inflation เศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการสร้างหนี้เพื่อการจับจ่าย (spending) มากกว่าการสร้าง Capital (investment)
ความมั่งคั่งของประเทศ ต้องลงที่ capital production + capitalist (ความสามารถในการผลิต) เกิดสังคมที่รุ่งเรือง ไม่ใช่การ spending!
เราควร work มากกว่าแดก*
สรุปภาพรวม
การทำ Credit expansion via Fractional-reserve banking > เกิด money supply เข้าสู่ระบบ Inflation > Devalue พลังงานของ Capitalists ในการปรับปรุงปัจจัยในการผลิต (cost สูงขึ้นไปเรื่อยๆ)
มันคือ การเติมน้ำในแก้วเบียร์พี่ชิต! อำนาจในการแลกเปลี่ยนของพี่ชิตถูกถอยออกไปหลายก้าว ไม่สามารถเปลี่ยน machine ในการผลิตได้ ของราคาแพงขึ้น อำนาจลดลง ความฝันในการเป็นนายทุน (capitalist) นายทุนน้อย เถ้าแก่น้อย เกิดไม่ได้
ประเทศนี้จะมั่งคั่งได้ ต้องเพิ่มนายทุนน้อย ซึ่งยาก เพราะเราสู้คนมี Credit ไม่ได้ เราสร้าง Savings จาก Productivity เป็นพลังงานสะอาดที่เกิดจาก POW แต่ Loan ของ bank เป็นอำนาจในการเสก & เปลี่ยน record ทำให้ money ในระบบเพิ่มขึ้น
Capital มีจำนวนจำกัด แต่ทั้ง POW (พลังงานสะอาด) และ LOAN (พลังงานในอนาคต) ดันมีศักดิ์ศรี & อำนาจในการไล่ล่า Capital และอำนาจในการแลกเปลี่ยนเท่ากัน
คนตัวเล็กๆ อีกหลายแสนในประเทศนี้ที่ฝันอยากเป็นนายทุนน้อยจะเกิดได้อย่างไร แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น ประเทศเรา ‘นายทุนน้อย’ ตายลงเรื่อยๆ เหลือแต่นายทุนใหญ่ไม่กี่คน
การเกิด Inflation ยิ่งทำให้ผู้ที่ไม่มี Capital ยิ่งยากที่จะเข้าใกล้การมี ในขณะที่ผู้ที่มี Capital อยู่แล้วเท่านั้นจึงจะอยู่ได้
ถ้าเราต้องเป็นหนี้จริงๆ การเป็นหนี้เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน & เพื่อการเป็นนายทุนน้อย พี่ชิตสนับสนุนความคิดนี้ แต่โลกความเป็นจริง ไม่มีรัฐไหน ที่สนับสนุนนโยบายนี้ รัฐสนใจแค่คนที่มีอำนาจโหวตอยู่ในมือ
ถ้าเรายังอยู่ในระบบ Fiat money (Credit money system) ยากมากที่จะเกิด Civilization & Wealth แก่ประเทศนี้ ซึ่งต้นเหตุที่แท้จริง คือ Fractional-reserve banking**
วันนี้เรามีทางเลือก มี tool ใหม่ SAVING is mother of capital** แต่คำนี้ไม่จริงในระบบเงิน fiat
The best saving technology = Bitcoin!
Fuck you, bank (พี่ชิตกล่าวไว้)
เถ้าแก่น้อย ต้องรู้จัก Bitcoin* และ ชาติที่รุ่งเรือง เกิดจากการมี Capital goods ที่ดี
Make Saving Great Again !
#siamstr
ปอลอ บทความนี้ไม่รวมเนื้อหาส่วน Q&A ปอลอ2 วนๆ ตามแผนภาพนี้ เข้าใจที่สุดแล้ว ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ปอลอ3 อ่านถึงตรงนี้ก็ชนคับชน cheers!