Hipknox on Nostr: ...
การที่พระพุทธเจ้าจะต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา และต้องใช้เวลาที่นานหลายปีกว่าจะบรรลุธรรมจนกระทั้งตรัสรู้ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งได้เล่าว่า เมื่อก่อนครั้งก่อนพุทธกาล ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นที่สามารถตรัสรู้ธรรมด้วยระยะเวลาอันสั้น พระสมณโคดมของเราเคยดูหมิ่นการตรัสรู้นั้นว่าเป็นการตรัสรู้ที่รวดเร็วและง่ายดายเกินไป สิ่งนี้เกิดขึ้นภายในความคิดของพระองค์ในเวลานั้น
กรรมจากความคิดในครั้งนั้นจึงตกมาถึงพระองค์ในครั้งที่ใกล้จะบรรลุธรรม แต่กลับต้องไปเผชิญความยากลำบากและยาวนานจากการบำเพ็ญทุกรกิริยาก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสรู้
น่าสนใจดี...
ถ้าหากหยิบยกเอาความปรัมปรา อิทธิปาฏิหาริย์บาปบุญออกไป ก็จะได้ข้อคิดหนึ่ง
”ความคิด“ สิ่งนี้อาจจะทรงพลังมากพอที่จะกำหนดความเป็นเราทั้งในเวลานี้ และตัวของเราในอนาคตกาล มันเหมือนกับการที่เราได้ฝังความเชื่ออะไรบางอย่างลงไปภายใต้หน่วยบันทึกข้อมูลของการเป็นเรา อย่างเช่นว่า
“ความคิด” เมื่อพระองค์มองเห็นผู้ที่ตรัสรู้แล้วด้วยความง่ายดาย ก็คิดไปเองว่าการตรัสรู้นั้นมันควรจะเป็นเรื่องที่ยาก พระองค์ก็ได้ฝังความคิดแบบนั้นลงไปภายในจิตของพระองค์ และด้วยความคิดนี้มันจึงปิดกันความเสร็จในการตรัสรู้อย่างง่ายดายของพระองค์ไป เพราะพระองค์เชื่อว่าการตรัสรู้เป็นสิ่งที่ควรจะยาก
“ความคิด” ถึงแม้จะเป็นของสัตว์ที่มีพละกำลังอย่างช้าง ในช่วงวัยเด็กที่ควาญช้างได้เลี้ยงเอาไว้ พวกควาญช้างจะผูกช้างวัยเด็กไว้กับขอนไม้ใหญ่ ด้วยกำลังของพวกมันที่ยังเยาว์วัยไม่อาจจะขัดขืนขอนไม้ใหญ่ที่รากฝังลึกลงในดิน พวกมันไม่อาจจะหนีไปไหนได้ และเมื่อมันเติบใหญ่ ควาญช้างที่ต้องการจะล่ามมันไว้กับที่ ก็ใช้เพียงแค่กิ่งไม้กิ่งเล็ก ๆ ผูกมันไว้กับขาของช้าง ช้างหนุ่มที่เชื่อไปแล้วว่าขาที่ถูกล้ามไว้กับไม้ ตัวของมันไม่อาจจะหนีไปไหนได้ มันจึงไม่คิดจะพยายามหนีไปไหน ทั้ง ๆ ที่แรงของมันในตอนนี้ มากพอที่จะถอนรากถอนโคนต้นไม้ได้ทั้งต้น
“ความคิด” ทั้งสองเหตุการณ์ที่หนึ่งนั้นมาจากการคิดไปเอง และสองที่มาจากการถูกผู้อื่นทำให้เชื่อ พวกเราได้ฝังอะไรที่จะสร้างความลำบากให้กับตัวเราเอง ลงไปในหน่วยบันทึกข้อมูลของความเป็นเราไปบ้างรึเปล่านะ
ถ้าหากว่า “ความคิด” จะทรงพลังได้ขนาดนั้น ทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนความคิดของเรา ให้มันกลายเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์แท้จริงให้กับตัวของเราเอง แทนที่จะคิดถึงแต่สิ่งแย่ ๆ กันละ
ก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ทุกพระองค์ต่างก็มีความตั้งมั่นใน “ความคิด” ในทุก ๆ ชาติภพที่พระองค์ได้เกิดขึ้นว่า “ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า” และด้วยความต่อเนื่องและยาวนาน ผ่านการเกิดดับอยู่หลายอสงไขย ด้วยการบำเพ็ญเพียรและความตั้งมั่น การบรรลุธรรมจนถึงการได้รับสัมโพธิญาณตรัสรู้จึงบังเกิดผลแก่พระองค์
หากพระองค์ไม่คิดที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้วไซร้ สิ่งที่เรียกว่า “พระพุทธเจ้า” ก็คงจะไม่มีปรากฏขึ้นแก่พวกเรา
#Siamstr
#SiamstrOG
Published at
2023-12-20 05:36:46Event JSON
{
"id": "4e203d64626633efb95ba39a4050f77b5a81b274ac6aaae5f135c490777b0dc8",
"pubkey": "0bd1f20c47a4f87d232cfdc70415710a29cb8ee08c10e96c87d880fb3cbb8bc2",
"created_at": 1703050606,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"Siamstr"
],
[
"t",
"SiamstrOG"
]
],
"content": "การที่พระพุทธเจ้าจะต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา และต้องใช้เวลาที่นานหลายปีกว่าจะบรรลุธรรมจนกระทั้งตรัสรู้ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งได้เล่าว่า เมื่อก่อนครั้งก่อนพุทธกาล ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นที่สามารถตรัสรู้ธรรมด้วยระยะเวลาอันสั้น พระสมณโคดมของเราเคยดูหมิ่นการตรัสรู้นั้นว่าเป็นการตรัสรู้ที่รวดเร็วและง่ายดายเกินไป สิ่งนี้เกิดขึ้นภายในความคิดของพระองค์ในเวลานั้น\n\nกรรมจากความคิดในครั้งนั้นจึงตกมาถึงพระองค์ในครั้งที่ใกล้จะบรรลุธรรม แต่กลับต้องไปเผชิญความยากลำบากและยาวนานจากการบำเพ็ญทุกรกิริยาก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสรู้\n\nน่าสนใจดี...\n\nถ้าหากหยิบยกเอาความปรัมปรา อิทธิปาฏิหาริย์บาปบุญออกไป ก็จะได้ข้อคิดหนึ่ง\n\n”ความคิด“ สิ่งนี้อาจจะทรงพลังมากพอที่จะกำหนดความเป็นเราทั้งในเวลานี้ และตัวของเราในอนาคตกาล มันเหมือนกับการที่เราได้ฝังความเชื่ออะไรบางอย่างลงไปภายใต้หน่วยบันทึกข้อมูลของการเป็นเรา อย่างเช่นว่า \n\n“ความคิด” เมื่อพระองค์มองเห็นผู้ที่ตรัสรู้แล้วด้วยความง่ายดาย ก็คิดไปเองว่าการตรัสรู้นั้นมันควรจะเป็นเรื่องที่ยาก พระองค์ก็ได้ฝังความคิดแบบนั้นลงไปภายในจิตของพระองค์ และด้วยความคิดนี้มันจึงปิดกันความเสร็จในการตรัสรู้อย่างง่ายดายของพระองค์ไป เพราะพระองค์เชื่อว่าการตรัสรู้เป็นสิ่งที่ควรจะยาก\n\n“ความคิด” ถึงแม้จะเป็นของสัตว์ที่มีพละกำลังอย่างช้าง ในช่วงวัยเด็กที่ควาญช้างได้เลี้ยงเอาไว้ พวกควาญช้างจะผูกช้างวัยเด็กไว้กับขอนไม้ใหญ่ ด้วยกำลังของพวกมันที่ยังเยาว์วัยไม่อาจจะขัดขืนขอนไม้ใหญ่ที่รากฝังลึกลงในดิน พวกมันไม่อาจจะหนีไปไหนได้ และเมื่อมันเติบใหญ่ ควาญช้างที่ต้องการจะล่ามมันไว้กับที่ ก็ใช้เพียงแค่กิ่งไม้กิ่งเล็ก ๆ ผูกมันไว้กับขาของช้าง ช้างหนุ่มที่เชื่อไปแล้วว่าขาที่ถูกล้ามไว้กับไม้ ตัวของมันไม่อาจจะหนีไปไหนได้ มันจึงไม่คิดจะพยายามหนีไปไหน ทั้ง ๆ ที่แรงของมันในตอนนี้ มากพอที่จะถอนรากถอนโคนต้นไม้ได้ทั้งต้น\n\n“ความคิด” ทั้งสองเหตุการณ์ที่หนึ่งนั้นมาจากการคิดไปเอง และสองที่มาจากการถูกผู้อื่นทำให้เชื่อ พวกเราได้ฝังอะไรที่จะสร้างความลำบากให้กับตัวเราเอง ลงไปในหน่วยบันทึกข้อมูลของความเป็นเราไปบ้างรึเปล่านะ\n\nถ้าหากว่า “ความคิด” จะทรงพลังได้ขนาดนั้น ทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนความคิดของเรา ให้มันกลายเป็นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์แท้จริงให้กับตัวของเราเอง แทนที่จะคิดถึงแต่สิ่งแย่ ๆ กันละ\n\nก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ทุกพระองค์ต่างก็มีความตั้งมั่นใน “ความคิด” ในทุก ๆ ชาติภพที่พระองค์ได้เกิดขึ้นว่า “ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า” และด้วยความต่อเนื่องและยาวนาน ผ่านการเกิดดับอยู่หลายอสงไขย ด้วยการบำเพ็ญเพียรและความตั้งมั่น การบรรลุธรรมจนถึงการได้รับสัมโพธิญาณตรัสรู้จึงบังเกิดผลแก่พระองค์\n\nหากพระองค์ไม่คิดที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้วไซร้ สิ่งที่เรียกว่า “พระพุทธเจ้า” ก็คงจะไม่มีปรากฏขึ้นแก่พวกเรา\n\n#Siamstr\n#SiamstrOG\n\nhttps://nostrcheck.me/media/public/nostrcheck.me_9624500204558715781703042323.webp ",
"sig": "c9319da62d9ad823eb544630388401011d51e0320547ec0d311a09bfb240598b80d4f56685b92ebe27eafbca47edfac7a81956c320fc29421d616e1eea6012e8"
}