ถึงแม้ว่าสมัยเด็กมากๆ จะจำไม่ได้ว่าตอนนั้นชีวิตเป็นไง แต่ที่พอนึกออกคือ พ่อแม่เอาเราไปฝากให้ยายเลี้ยง จะเจอกันอีกทีคือตอนค่ำๆ สองทุ่ม และแน่นอนว่า เลี้ยงด้วยนมผงใส่ขวดดูดล้วนๆ ไม่เคยดูดนมแม่เลย จนตัวเองติดดูดขวด แล้วก็ไปดูดนิ้วโป้งเล่นยัน 5-6 ขวบกว่าจะเลิกได้ (ใครมีลูกเล็กๆ ให้ลูกเลิกดูดขวดดูดเต้าเร็วๆ จะดีนะ น่าจะตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นมั้งไม่แน่ใจถ้าติดมาจนโตแบบเรา ตอนกลืนลิ้นมันจะไปดันฟันหน้าจนเหยินเลยหละ)(70% ของยอด Zap จะถูกแบ่งให้เจ้าของโน้ต)
โตมาก้สงสัยตลอดว่าทำไมแม่ไม่เลี้ยงด้วยนมแม่ ทั้งๆ ที่สื่อก้รณรงค์ให้เลี้ยงด้วยนมแม่ พอมะวานฟังสภายาส้มเท่านั้นแหละ มัน CLICK อะ รู้เลยว่า”พวกนั้น” มันทำให้ชีวิตมนุษย์โลก fuck up ไปขนาดไหน
ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบเฟียตๆ ช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง เงินที่เฟ้อไม่หยุด แม้ว่าครอบครัวจะมีลูกคนเดียว แต่ก็เท่ากับต้องมีคนที่ต้องสละเวลาชีวิตที่จะต้อง make money มาเพื่อเลี้ยง แม้ว่าพ่อจะลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัว แต่ก็ยังไม่มากพอ ดังนั้นแม่จึงต้อง “take red pill” แล้วออกไปทำงานประจำที่เป็นงาน office ซึ่งการเลี้ยงด้วยนมแม่ แม่จะต้องอยู่บ้านดูและลูก อารมณ์ดีตลอดเวลา และใช้เวลาทั้งวันเพื่อให้ลูกดูดนมทุก 2 ชม ซึ่งแค่ตอนนั้นก็แทบจะทำไม่ได้อยู่แล้ว อ่าวถ้าแม่ไม่อยู่ แล้วใครจะเลี้ยงละ ก็ฝากให้ยายเลี้ยงไง เลี้ยงด้วยนมผงใส่ขวดดูดจุกนี่แหละ แม้ว่ามันจะดูเหมือนตัดปัญหา แต่นั่นทำให้ relationship ระหว่างเรากับครอบครัวในสมัยเด็กมีน้อยมาก แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่จริงๆก็ต้องขอบคุณครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำที่สามารถเลี้ยงไอลูกนี่มาจนโตจนมาอยู่ใน nostr นี่ได้โดยไม่ทำให้สภาพการเงินที่บ้านระเบิดไปซะก่อน
แต่นั่นมันคือเกือบ 30 ปีที่แล้ว เมื่อมาเทียบกับยุคนี้ ที่ข้าวของแพงมากๆ ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง ทุกคนต้องออกไป make money ไม่งั้นอดตาย การที่จะฝากลูกให้ลุงๆป้าๆ เลี้ยงนั้นแม้ว่าจะยังพอทำได้ แต่ในอนาคต แค่ครอบครัวก็เล็กอยู่แล้ว ทั้ง fiat economy เอย ทั้ง fiat food เอย เผลอๆ คนเฒ่าคนแก่นี่จะหมดแรงและลงโลงด้วยอายุที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีก แล้วใครจะมาเลี้ยงลูกเล็กเด็กน้อย ต่อให้เลี้ยงได้ แต่นั่นคือการเอาเงินเก็บที่อาจเอาไปลงทุนหรือเปิดธุรกิจเองได้ ไปทุ่มกับการเลี้ยงลูกจนต้องละทิ้ง ความฝันกับความทะเยอทะยานไปหมด แค่ในตอนนี้แค่คิดจะมีลูกซักคน ยังต้องคิดแล้วคิดอีก
อย่าว่าแต่จะคิดมีลูกเลย จะหาแฟนยังหาได้ยากเลย ก็เล่น “take red pill” กันหมดแบบนี้ เราเคยได้ยินคนเล่นให้ฟังว่าสมัยก่อนคนที่เข้ามาเรียนมหาลัย อย่างของคณะเราจะมี ช มากกว่า ญ แต่ตอนนี้นี่คือ ช นี่จะเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ละ แทบจะนับหัวได้เลย แต่ด้วยการเรียนที่หนักมากทั้งกายและใจ วันๆ อยู่แต่ในคณะเจอกันแต่คนเดิมๆ สังคมเดิมๆ ที่ อจ เห็น นศ เป็นชนชั้นล่างๆเพื่อนต่างคณะคือแทบไม่รู้จัก และก้ต้องมาเครียดกับเรื่อง อจ ลำเอียงที่ take care เด็กไม่เท่ากันกับ อจ ม่อหญิงอีก แค่จะหาแฟนระหว่างเรียนก้ยากละ แต่อาจมีบ้างบางคู่ที่มีแฟนกันตอนเรียน แต่ส่วนใหญ่จะมีแฟนกันหลังเรียนจบ ซึ่งเราพูดตรงๆนะ คือเพื่อน ญ ก็จะหาแฟน ช ที่ฐานะร่ำรวยกว่าและดูมีความ perfect กว่า โดยเฉพาะทางการเงิน พอมีแฟนที่เรียนมาด้วยกัน ก็ช่วยกันเรียนได้ เรียนจบเร็ว ส่วนใครที่ฐานะบ้านๆ หน้าบ้านๆ นี่ ใครจะมาเอา และยิ่งถ้าคิดจะมีแฟนนอกคณะนี่ ยิ่งหายนะกว่าเดิมอีก
ชีวิตก้ลำบากเหมือนอยู่ใน matrix อยากโตก้ไม่ให้โต บังคับให้ make money ที่เน่าลงทีละมากกว่า 2% ตลอดเวลา ถ้าทุกๆอย่างนี่คือ hard mode แล้ว ถ้าทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนหรือแย่ลง gen ต่อไปที่จะขึ้นมานี่คือระดับ lunatic แน่นอน
**ภาพล่างไม่เกี่ยว แค่ลองทำ cold brew ครั้งแรก
#siamstr
#Siamstr #SiamesBicoiners