lvlick on Nostr: ตอนที่ 8 ...
ตอนที่ 8 คำชี้แจงเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท
สอนผิดจนปฏิบัติไม่ได้
เรื่องปฏิจจสมุปบาทที่กำลังสอนอยู่นี้ไม่ตรงหรือไม่ถูกต้องตามบาลีเดิม ของเดิมมีไว้อย่างนึงเดี๋ยวนี้มาสอนกันเสียอีกอย่างหนึ่ง ก็คือในบาลีเดิมพูดไว้ในลักษณะติดต่อกันเป็นสาย ใน 1 รอบมี 11 อาการ เดี๋ยวนี้มาสอนว่า ใน 11 อาการรอบนึงนี้จะกินเวลายืดออกไปตั้ง 3 ชาติคืออดีตปัจจุบันอนาคตไปสอนอย่างนี้จนปฏิบัติอะไรไม่ได้
ในบาลีเดิมมันติดต่อกัน 11อาการในสายเดียวที่คนเรามีเรื่องที่เป็นกิเลสเกิดขึ้นในใจครั้งหนึ่ง หมายความว่าบางทีชั่วกะพริบตาเดียวเท่านั้นธรรรมนี้ก็เต็มรอบ กินเวลาไม่ถึงชาติ ถึงปี ถึงเดือน ถึงวัน นี่สอนผิดจากบาลีเดิมก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าสอนถูกมันจะตรงกับปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ประจำวัน
การจะเข้าใจได้ดีต้องรู้จำนวนปฏิจจสมุปบาททั้ง 11 อาการก่อน
1เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงเกิดสังขาร
2 เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ
3 เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป
4 เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดอายตนะ 6
5 เพราะอายตนะเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ
6 เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา
7 พระเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา
8 เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน
9 เพราะอุปทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ
10 เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ
11 เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส ซึ่งเป็นความทุกข์ทั้งนั้นเกิดขึ้น
จะเห็นได้ว่าติดต่อกันไปไม่มีอะไรมาคั่น ไม่จำเป็นต้องเอา 2 ตอนแรกไว้ชาติในอดีต เอา 8 ตอนกลางมาไว้ในชาติปัจจุบัน แล้วเอาอีกตอนหนึ่งไว้ในชาติหน้า ถ้ารอบนึงสาย 1 กินเวลา 3 ชาติอย่างนี้มันจะทำอะไรได้ ควบคุมมันได้อย่างไร จะปฏิบัติดับทุกอย่างไร เพราะมันแยกกันอยู่ เหตุชาติหนึ่ง ผลชาติหนึ่ง แล้วมันจะควบคุมได้อย่างไร
ผมจะขอเสริมตรงนี้นะครับจากคำชี้แจงจะยังไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอวิชชา(อาหารของอวิชชา) เพราะกว่าจะรู้ที่มาของอวิชชาเนี่ยก็อยู่ท้ายๆ เล่มแล้วแต่จะหยิบมาให้ทำความเข้าใจก่อน เรียงลำดับการเกิดอวิชชาแบบนี้
อวิชชามีอาหารคือนิวรณ์ 5 (ลองหาคำอธิบายเพิ่มนะครับ) นิวรณ์ 5 มีอาหารคือทุจริต 3 ทุจริต 3 มีอาหารคือการไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่สำรวมอินทรีย์มีอาหารคือความไม่มีสติสัมปชัญญะ ความไม่มีสติสัมปชัญญะมีอาหารคือการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย(อโยนิโสมนสิการ) อโยนิโสมนะสิการมีอาหารคือความไม่มีศรัทธา ความไม่มีศรัทธามีอาหารคือการไม่ได้ฟังสัทธรรม การไม่ได้ฟังสัจธรรมมีอาหารคือการไม่คบสัตบุรุษ
ตอนที่ 8 จบเพียงเท่านี้ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันจะมีตัวอย่างอีก 4 ตัวอย่าง ในชีวิตประจำวันซึ่งยาวพอสมควร ไว้ผมจะเอาตัวอย่าง มาให้อ่านในโน๊ตถัดๆไป ราตรีสวัสดิ์รักษาสุขภาพครับ #siamstr #ปฏิจจสมุปบาท #พ่อออกค้ำ
Published at
2024-08-04 13:22:17Event JSON
{
"id": "6db1b5ad8f216593d231078000aa4bda73821e42a0e5e010f7c5cd2839300a0d",
"pubkey": "e047f82fd6905f9224d9a927e0474819cf4dc8654ef599240b3876d5f7d05b0b",
"created_at": 1722777737,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
],
[
"t",
"ปฏิจจสมุปบาท"
],
[
"t",
"พ่อออกค้ำ"
]
],
"content": "ตอนที่ 8 คำชี้แจงเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท\nสอนผิดจนปฏิบัติไม่ได้\n\tเรื่องปฏิจจสมุปบาทที่กำลังสอนอยู่นี้ไม่ตรงหรือไม่ถูกต้องตามบาลีเดิม ของเดิมมีไว้อย่างนึงเดี๋ยวนี้มาสอนกันเสียอีกอย่างหนึ่ง ก็คือในบาลีเดิมพูดไว้ในลักษณะติดต่อกันเป็นสาย ใน 1 รอบมี 11 อาการ เดี๋ยวนี้มาสอนว่า ใน 11 อาการรอบนึงนี้จะกินเวลายืดออกไปตั้ง 3 ชาติคืออดีตปัจจุบันอนาคตไปสอนอย่างนี้จนปฏิบัติอะไรไม่ได้\n\tในบาลีเดิมมันติดต่อกัน 11อาการในสายเดียวที่คนเรามีเรื่องที่เป็นกิเลสเกิดขึ้นในใจครั้งหนึ่ง หมายความว่าบางทีชั่วกะพริบตาเดียวเท่านั้นธรรรมนี้ก็เต็มรอบ กินเวลาไม่ถึงชาติ ถึงปี ถึงเดือน ถึงวัน นี่สอนผิดจากบาลีเดิมก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าสอนถูกมันจะตรงกับปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ประจำวัน\n\tการจะเข้าใจได้ดีต้องรู้จำนวนปฏิจจสมุปบาททั้ง 11 อาการก่อน\n\t 1เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงเกิดสังขาร\n\t2 เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ\n 3 เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป\n 4 เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดอายตนะ 6\n 5 เพราะอายตนะเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ\n \t6 เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา\n 7 พระเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา\n8 เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน\n 9 เพราะอุปทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ\n \t10 เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ\n 11 เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส ซึ่งเป็นความทุกข์ทั้งนั้นเกิดขึ้น\nจะเห็นได้ว่าติดต่อกันไปไม่มีอะไรมาคั่น ไม่จำเป็นต้องเอา 2 ตอนแรกไว้ชาติในอดีต เอา 8 ตอนกลางมาไว้ในชาติปัจจุบัน แล้วเอาอีกตอนหนึ่งไว้ในชาติหน้า ถ้ารอบนึงสาย 1 กินเวลา 3 ชาติอย่างนี้มันจะทำอะไรได้ ควบคุมมันได้อย่างไร จะปฏิบัติดับทุกอย่างไร เพราะมันแยกกันอยู่ เหตุชาติหนึ่ง ผลชาติหนึ่ง แล้วมันจะควบคุมได้อย่างไร \n\tผมจะขอเสริมตรงนี้นะครับจากคำชี้แจงจะยังไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอวิชชา(อาหารของอวิชชา) เพราะกว่าจะรู้ที่มาของอวิชชาเนี่ยก็อยู่ท้ายๆ เล่มแล้วแต่จะหยิบมาให้ทำความเข้าใจก่อน เรียงลำดับการเกิดอวิชชาแบบนี้\n\tอวิชชามีอาหารคือนิวรณ์ 5 (ลองหาคำอธิบายเพิ่มนะครับ) นิวรณ์ 5 มีอาหารคือทุจริต 3 ทุจริต 3 มีอาหารคือการไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่สำรวมอินทรีย์มีอาหารคือความไม่มีสติสัมปชัญญะ ความไม่มีสติสัมปชัญญะมีอาหารคือการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย(อโยนิโสมนสิการ) อโยนิโสมนะสิการมีอาหารคือความไม่มีศรัทธา ความไม่มีศรัทธามีอาหารคือการไม่ได้ฟังสัทธรรม การไม่ได้ฟังสัจธรรมมีอาหารคือการไม่คบสัตบุรุษ \n\tตอนที่ 8 จบเพียงเท่านี้ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันจะมีตัวอย่างอีก 4 ตัวอย่าง ในชีวิตประจำวันซึ่งยาวพอสมควร ไว้ผมจะเอาตัวอย่าง มาให้อ่านในโน๊ตถัดๆไป ราตรีสวัสดิ์รักษาสุขภาพครับ #siamstr #ปฏิจจสมุปบาท #พ่อออกค้ำ \n",
"sig": "56806bb53fa79d95c8fefd72d12a0073927f5c575062bad0bfdb542d14863c24f3e123adeb4c58e07e5b5fb789ceb4b0a0cec9720b99396ed92bd66353a68ac0"
}