Why Nostr? What is Njump?
2024-05-28 05:04:00

layman on Nostr: ...

รายได้หลักของธนาคารมาจากหลายแหล่งที่สำคัญ แต่สามารถแบ่งออกเป็น
สองประเภทใหญ่ ๆ คือรายได้จากดอกเบี้ย (Net Interest Income) และ
รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income)

● รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income) รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ
เป็นรายได้หลักของธนาคาร ซึ่งมาจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยที่ธนาคารได้รับ
จากการปล่อยสินเชื่อและดอกเบี้ยที่ธนาคารจ่ายให้กับผู้ฝากเงิน

• ดอกเบี้ยรับ (Interest Income): รายได้ที่ธนาคารได้รับจากการปล่อยสินเชื่อต่างๆ
เช่น สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อธุรกิจ

• ดอกเบี้ยจ่าย (Interest Expense): ค่าใช้จ่ายที่ธนาคารจ่ายให้กับผู้ฝากเงิน
เช่น ดอกเบี้ยจากบัญชีออมทรัพย์, บัญชีฝากประจำ และบัญชีกระแสรายวัน

• ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income): ผลต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย
ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของธนาคาร โดยทั่วไป รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิมักจะเป็น
สัดส่วนใหญ่ของรายได้ทั้งหมดของธนาคาร มักอยู่ที่ประมาณ 60-70% ของรายได้รวม

● รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเป็น
รายได้เสริมที่ธนาคารได้รับจากการให้บริการอื่น ๆ นอกเหนือจากการปล่อยสินเชื่อ

• ค่าธรรมเนียมและบริการ (Fees and Service Charges) : รายได้จากค่าธรรมเนียม
ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน, ค่าธรรมเนียมการออกบัตรเครดิต,
ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ, และค่าธรรมเนียมการบริหารสินทรัพย์

• รายได้จากการลงทุน (Investment Income) : รายได้จากการลงทุนในหุ้น, พันธบัตร,
และหลักทรัพย์อื่น ๆ รายได้จากการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน
(Foreign Exchange Trading Income) : รายได้จากการซื้อขายและการแลกเปลี่ยน
เงินตราต่างประเทศ
• รายได้จากธุรกรรมทางการเงินและการบริหารความเสี่ยง
(Financial Transactions and Risk Management Services) :
รายได้จากการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน, การจัดการสินทรัพย์, และ
การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน โดยทั่วไป รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะมีสัดส่วนประมาณ
30-40% ของรายได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและกลยุทธ์ของแต่ละธนาคาร
#Siamstr
หลักการเสกเงินของธนาคาร หรือที่เรียกว่า "การสร้างเงิน" (Money Creation)
เป็นกระบวนการที่ธนาคารพาณิชย์สามารถขยายปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
ผ่านการปล่อยสินเชื่อ กระบวนการนี้มักจะเกี่ยวข้องกับ
"การธนาคารแบบสำรองเงินบางส่วน" (Fractional Reserve Banking)
ซึ่งธนาคารต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งของเงินฝากทั้งหมดไว้ และสามารถปล่อยกู้
ส่วนที่เหลือให้กับลูกค้ารายอื่นๆ ต่อไปคือขั้นตอนและหลักการของการเสกเงิน

• การฝากเงินและการสำรองเงิน
เมื่อผู้ฝากเงินนำเงินมาฝากที่ธนาคาร ธนาคารจะต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งตามที่
กฎหมายหรือหน่วยงานกำกับดูแลกำหนด เรียกว่า "อัตราสำรอง" (Reserve Ratio)
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% ธนาคารต้องสำรองเงิน 10% ของเงินฝากไว้และ
สามารถปล่อยกู้ส่วนที่เหลือ 90%

• การปล่อยสินเชื่อ
ธนาคารสามารถใช้เงินที่ไม่ได้สำรองไว้เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายอื่น
สมมุติว่าเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท ธนาคารสำรองเงิน 10% หรือ 100 บาท
และปล่อยกู้ 900 บาทให้กับลูกค้ารายอื่น

• การฝากเงินซ้ำ
ลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อ 900 บาทอาจนำเงินไปฝากในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งกระบวนการสำรองและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยธนาคารใหม่จะสำรอง
10% หรือ 90 บาท และสามารถปล่อยกู้ 810 บาท

• กระบวนการต่อเนื่อง
กระบวนการฝากเงินและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในระบบธนาคาร ซึ่ง
ทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหลายเท่าของเงินฝากเริ่มต้น
กระบวนการนี้เรียกว่า "การทวีคูณเงินฝาก" (Deposit Multiplier Effect)

• สูตรการคำนวณเงินทวีคูณ
ปริมาณเงินทั้งหมดที่สามารถสร้างขึ้นได้จากเงินฝากเริ่มต้นสามารถคำนวณได้
โดยใช้สูตร ปริมาณเงินทั้งหมด = (1/อัตราสำรอง) × เงินฝากเริ่มต้น
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% หรือ 0.1 และเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท
ปริมาณเงินทั้งหมด = (1 /0.1) × 1,000 = 10,000 บาท
#Siamstr
Author Public Key
npub1hdnn3hzsuf3ygvfdc058ld0u7j0jytpxp047qq6j73mle2ejw3ysr2f405