Why Nostr? What is Njump?
2023-12-04 04:04:55
in reply to

Hipknox on Nostr: ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ :) ...

ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ :)

ในมุมหนึ่ง การได้เริ่มในตลาดที่มีความผันผวนมาก ๆ อย่างช่วงขาขึ้นของราคา (ตอนที่เรายังไม่มีของ) หรือช่วงขาลงของราคา (หลังจากเรามีของไปแล้วแต่ยังไม่ได้ขาย) เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ทดสอบจิตใจของตัวเอง ความคิดภายในหัว การตัดสินใจต่าง ๆ และอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก ๆ เป็นการฝึกการรู้ตัวได้ดีเลยทีเดียวครับ

ในมุมหนึ่งมันทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเราเองว่าเราเป็นคนแบบไหน คนที่มีจิตใจเข้มแข็งมาตลอด ปากบอกว่าไม่กลัวอะไรทั้งนั้นก็สั่นเทากันมาแล้ว

*ตอนยังไม่มีของ

1. เวลาที่ราคาของ ของที่จะซื้อเพื่อการเก็งกำไรมันนิ่ง ๆ side way เราจะไม่ค่อยสนใจมัน มันค่อยไม่น่าดึงดูด มองยังไงมันก็ดูไม่ค่อยจะมีอนาคตเลย แต่เราจะเปลี่ยนใจตอนที่มันเริ่มมีข่าว มีกระแส และราคาเริ่มที่จะวิ่ง

2. การที่ได้เห็นราคาที่มันขึ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เพราะว่ายังไม่ได้ทำการเข้าซื้อมาก่อนหน้านั้น (FOMO - Fear of Missing Out) (อาการกลัวการตกรถ) อาจจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาด เช่น คิดไปเองว่าราคามันอาจจะขึ้นไปต่อ แต่หลังเข้าซื้อมันกลับไปอีกทาง คือมันลง

2.1 พอราคามันลง เราคิดว่าเราผิดทาง เราอาจจะขายมันไป แต่หลังจากขายราคามันอาจจะกลับขึ้นไป เราก็จะโทษตลาดว่ามันมีการปั่นราคา หลอกล่วง เป็นแชลูกโซ่ แล้วเราก็ออกจากตลาดไป

2.2 พอราคามันลง เราคิดว่าเราผิดทาง เราอาจจะขาย แต่ราคามันก็ลงจริง ๆ เราอาจจะคิดว่าเราก็เก่งเหมือนกันนิหว่า ไม่เป็นไรรอบหน้าเอาใหม่

2.3 พอราคามันลง เราคิดว่ามันอาจจะแค่ปรับฐานเพราะเราเข้าผิดจังหวะ เราจึงยังถือของเอาไว้ ถ้ามันกลับขึ้นไปเราก็ไม่ต้องค่อยซื้อ ๆ ขาย ๆ เข้า ๆ ออก ๆ หรือ ถ้าราคามันลง เราก็แค่ขาดทุนทางโอกาสและเวลา (เราอาจจะรอให้ราคามันกลับขึ้นไป / ถ้ามันยังอยู่ในเทรนล่ะนะ)

2.4 “เข้าซื้อแล้วกำไร” ถ้าหากว่าจะมีอะไรที่ทำให้เราหัวโตมากที่สุด ก็คงจะเป็นการเข้าในจังหวะที่ราคามันวิ่งไปต่อหลังการเข้าซื้อ ตัวเลขที่ +50% ถึง +100% ภายในวันเดียว สามารถที่จะทำให้คนที่ฉลาด กลายเป็นคนที่อีโก้เข้าครอบงำมาแล้ว

“เราก็เก่งเหมือนกันนิหว่า” “แม่นขนาดนี้ ไม้หน้า all in ไปเลยเถอะ” “เก่ง ๆ อย่างเรา ต้องกด leverage x 25 ไปสิ สิ้นปีนี้จะถอย super cars" และอื่น ๆ อีกมากมาย กำไรจะเป็นภาพสะทอนความโลภ อีโก้ การหลงตัวเอง การไม่มองความเป็นจริง กำไรจะเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าการขาดทุนซะอีก

จริง ๆ ยังมีอีกหลายแง่มุมเลยครับ นี่เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของจิตวิทยาตลาดเท่านั้น

กว่าเราจะสามารถมีบิตคอยน์อยู่กับเราได้ปราการด่านแรกที่จะต้องผ่านก็คือ “กำแพงของราคา” เรามักจะคิดว่า “บิตคอยน์มันราคาแพงเกินไป / กว่าจะเก็บได้สัก 1 บิตคอยน์ต้องใช้เงินเท่าไรกัน? / เหรียญอื่น ๆ ราคาถูกกว่า ถ้าซื้ออาจจะกำไรได้มากกว่าเยอะ”

ผมใช้วิธีตัดปัญหาเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมาข้างบนนั้น จากการมองอยู่แค่มูลค่าทางราคาของมันด้วยการ “เรียนรู้ความจริงว่า บิตคอยน์ มันเกิดมาเพื่ออะไร? มันเกิดมาแก้ปัญหาของอะไร?” หลังจากนั้นมูลค่าของบิตคอยน์ที่ผมเห็น มันไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่เทียบเคียงกับ BTC/USD หรือ BTC/THB

สำหรับตัวผมเอง มูลค่าของมันคือการเดิมพันกับอนาคตกาลที่จะมาถึง เป็นหลักประกันว่าถ้าเกิดว่าระบบเงินตราที่เราใช้กันอยู่นี้ล่มสลาย ตัวเลือกมันคงไม่ใช่สกุลเงินอื่น หรือ ทองคำ โลหะมีค่าที่เราเคยเลิกใช้มันไปแล้ว หรือถ้าหากวันหนึ่ง อย่างน้อยประชากรโลกจะให้การยอมรับบิตคอยน์ ให้ค่ามันเป็นสกุลเงินหนึ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง อย่างน้อยผมก็มีบิตคอยน์จำนวนหนึ่ง ก่อนที่คนอื่น ๆ ที่ยังไม่มีมันจะเริ่มสนใจมัน

ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในชั่วชีวิตนี้ ผมก็ไม่เสียใจ ผมได้เลือกมันไปแล้ว :)
Author Public Key
npub1p0glyrz85nu86gevlhrsg9t3pg5uhrhq3sgwjmy8mzq0k09m30pq2jv9kv