naphat09 on Nostr: ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ...
ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้
วันที่โดนหมอด่าแบบแรงๆ
วันนี้พาแม่ไปหาหมอครับ และแน่นอนชาวเราที่ติดตามวิทยาการของโลก fiat เราย่อมมีมุมมองและคำถามไม่เหมือนคนส่วนใหญ่หรือคนที่สมาทาน AHA american health associates
1 คำถามของผมดูเหมือนทริกเกอร์อะไรบางอย่างในตัวเขา เขามองจ้องหน้าผมเกิน 10วิ และเป็นสายตาที่หากมองด้วยตาแบบนี้ในสถานการณ์อื่น เขาอาจโดนยิงได้
คำถามของผมนั้นเรียบง่ายมาก “ในเมื่อตับสร้างไขมัน เราต้องกินยาลดไขมัน(statin)มั้ย”
นอกจากสายนั้นทุกสิ่งที่เขาพูด คือคำดูถูกมากมายเท่าที่จะนึกออก “ความรู้หางอึ่ง ความรู้เท่าจิ๋ม โง่ มึงกำลังฆ่าแม่มึงทางอ้อม อย่างมึงจะมีปัญญาเป็นหมอได้มั้ย ตอน ม ปลายมึงทำอะไรอยู่ทำไมไม่สอบหมอล่ะ” และอีกสารพัด
พร้อมกับบรรยายความสามารถมากมายของเขา ประสบการณ์มากมาย เหตุผลที่มาเป็นหมอ ความยากลำบากของการเป็นผู้เชี่ยวชาญ อ่านเปเปอร์วันนึงเป็นร้อยๆหน้า ครอบครัวของเขา
ท้าทายให้ผมไปสอบหมอแล้วมาเป็นศาตราจารย์เพื่อมาสอนเขา และความวิเศษวิโสของจรรยาบรรณแพทย์อันสูงส่งที่เขามีให้กับคนไข้(ซึ่งเขาเคลมว่ามากกว่าความรักที่ผมมีให้แม่)
ระหว่างที่ฟังไปเรื่อยๆผมกลับไม่รู้สึกโกรธขนาดนั้น กลับกันผมกลับแอบสงสาร ตอนเขาพูดถึงครอบครัวว่าเมียเขาพูดว่าเขาเป็นพ่อที่ดี แต่อาจไม่ใช่สามีที่ดี พูดว่าเขารักลูกมากแค่ไหน
ตอนนั้นในหัวแอบคิดลึกๆว่าทำไม ประโยคสั้นๆของญาติคนไข้โง่ๆที่มีความรู้แค่หางอึ่งหรือจิ๋มมดตามที่เขาพูด ถึงได้ไปทริคเกอร์เขาได้ขนาดนี้
แอบคิดว่าความรู้วิชาแพทย์อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ในชีวิตแล้วก็เป็นได้
มีหลายช่วงหลายจังหวะอยากจะตอบกลับ แต่คิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะรับฟังอะไรได้ง่ายนัก
บางจังหวะเขาพูดว่าเขารักษาแม่ผมมา 5 ปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าควรอะไร
ในช่วงนั้นผมแอบอยากตอบกลับ แม่ผมค่าน้ำตาลดีขึ้น ค่าไตดีขึ้น หลังจากผมเอาความรู้จากหมอเอกมาปรับใช้คุมพฤติกรรมแม่ แล้ว 5ปี ที่ผ่านมายาของหมอทำให้แม่ผมดีขึ้นมั้ย
อีกจังหวะตอนที่เขาท้าผมว่าลองไปถามหมอทุกคนในประเทศนี้ดู ว่าถ้า LDL สูงยังไงก็ต้องกิน statin แล้วผมเอาความรู้ที่ไหนมาบอกเขา เอาแต่อ่านจาก google เขาเป็นหมอศิริราช เขาจบแพทย์จุฬามา
สิ่งอยากตอบคือ ไอ้ที่ผมเอามาพูดก็มาจาก หมอในโรงพยาบาล นั่นแหละ ไม่ได้คิดเองพูดเอง และหมอหัวใจที่ดูแลแม่ ผมก็เคยพูดแบบนี้กับเขาแล้ว และเขาก็อธิบายได้อย่างใช้เหตุผล แถมยังแอบพูดกับผมเองเลยว่า เขายอมรับว่ามันมีบริษัทยาซื้อตัวหมอจริงๆ และมีการล็อบบี้เปเปอร์เขาข้างยาบางตัว แต่เขาจำเป็นต้องทำเพราะมันเป็นมาตฐานโรงพยาบาล
มันน่าเสียใจอยู่นะ ที่เขาคิดว่าผมรักแม่ผมน้อยกว่าเขา แต่ผมก็แอบเข้าใจว่าจรรยาบรรณแพทย์ของเขากำลังถูกท้าทายเขาจึงต้องปกป้องมัน
และเข้าใจโรงพยาบาลด้วยว่าถ้าลูกค้าหายโรคหมด หรือตายหมด โรงพยาบาลนี้คงไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นหรือติดอันดับ forbes นั้นจึงเป็นเหตุให้ในโรงพยาบาลมีร้านค้าขนมfiatๆ อยู่ภายในอาคารตั้ง2ร้าน นอกอาคาร 1 ร้าน และร้านอาหารของโรงพยาบาลก็มีแต่เมนู NDC(โรงเรื้อรัง) อีกตังหาก
สุดท้ายแล้วเหตุผลที่ทำให้ผมต้องพูดประนั้นออกไป ก็เพราะว่าค่าตับของแม่ผมสูงกว่าปกติ 3 เท่า หมอหัวใจ(ไม่ใช่คนที่ด่าผม) จึงสั่งงด statin ไป 2 อาทิตย์ และระหว่างนั้นก็ได้ตามหาสาเหตุอื่นๆคู่กันไป เช่น ไวรัสตับอักเสพประเภทต่างๆ
จนปัจจุบัน ค่าตับแม่ผมดีขึ้น 1 เท่าตัว และไม่เจอสาเหตุอื่นใด หมอทางเดินอาหารจึงสรุปว่าเป็นเพราะ statin จึงควรหยุดยาสักระยะหนึ่ง
#siamstr
Published at
2023-09-22 07:37:21Event JSON
{
"id": "eef1cb246e43c2807d3eb3e1d6e8cedb3ba4efe5e02ac6b782164ded6093b998",
"pubkey": "8b2ff7ceb4a1ea558bb929ce0d3513dfeca2cab712fd149551a961c822ace218",
"created_at": 1695368241,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ \nวันที่โดนหมอด่าแบบแรงๆ\n\nวันนี้พาแม่ไปหาหมอครับ และแน่นอนชาวเราที่ติดตามวิทยาการของโลก fiat เราย่อมมีมุมมองและคำถามไม่เหมือนคนส่วนใหญ่หรือคนที่สมาทาน AHA american health associates \n\n1 คำถามของผมดูเหมือนทริกเกอร์อะไรบางอย่างในตัวเขา เขามองจ้องหน้าผมเกิน 10วิ และเป็นสายตาที่หากมองด้วยตาแบบนี้ในสถานการณ์อื่น เขาอาจโดนยิงได้ \n\nคำถามของผมนั้นเรียบง่ายมาก “ในเมื่อตับสร้างไขมัน เราต้องกินยาลดไขมัน(statin)มั้ย” \n\nนอกจากสายนั้นทุกสิ่งที่เขาพูด คือคำดูถูกมากมายเท่าที่จะนึกออก “ความรู้หางอึ่ง ความรู้เท่าจิ๋ม โง่ มึงกำลังฆ่าแม่มึงทางอ้อม อย่างมึงจะมีปัญญาเป็นหมอได้มั้ย ตอน ม ปลายมึงทำอะไรอยู่ทำไมไม่สอบหมอล่ะ” และอีกสารพัด \n\nพร้อมกับบรรยายความสามารถมากมายของเขา ประสบการณ์มากมาย เหตุผลที่มาเป็นหมอ ความยากลำบากของการเป็นผู้เชี่ยวชาญ อ่านเปเปอร์วันนึงเป็นร้อยๆหน้า ครอบครัวของเขา \n\nท้าทายให้ผมไปสอบหมอแล้วมาเป็นศาตราจารย์เพื่อมาสอนเขา และความวิเศษวิโสของจรรยาบรรณแพทย์อันสูงส่งที่เขามีให้กับคนไข้(ซึ่งเขาเคลมว่ามากกว่าความรักที่ผมมีให้แม่)\n\nระหว่างที่ฟังไปเรื่อยๆผมกลับไม่รู้สึกโกรธขนาดนั้น กลับกันผมกลับแอบสงสาร ตอนเขาพูดถึงครอบครัวว่าเมียเขาพูดว่าเขาเป็นพ่อที่ดี แต่อาจไม่ใช่สามีที่ดี พูดว่าเขารักลูกมากแค่ไหน \n\nตอนนั้นในหัวแอบคิดลึกๆว่าทำไม ประโยคสั้นๆของญาติคนไข้โง่ๆที่มีความรู้แค่หางอึ่งหรือจิ๋มมดตามที่เขาพูด ถึงได้ไปทริคเกอร์เขาได้ขนาดนี้ \n\nแอบคิดว่าความรู้วิชาแพทย์อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ในชีวิตแล้วก็เป็นได้ \n\nมีหลายช่วงหลายจังหวะอยากจะตอบกลับ แต่คิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะรับฟังอะไรได้ง่ายนัก \n\nบางจังหวะเขาพูดว่าเขารักษาแม่ผมมา 5 ปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าควรอะไร\nในช่วงนั้นผมแอบอยากตอบกลับ แม่ผมค่าน้ำตาลดีขึ้น ค่าไตดีขึ้น หลังจากผมเอาความรู้จากหมอเอกมาปรับใช้คุมพฤติกรรมแม่ แล้ว 5ปี ที่ผ่านมายาของหมอทำให้แม่ผมดีขึ้นมั้ย\n\nอีกจังหวะตอนที่เขาท้าผมว่าลองไปถามหมอทุกคนในประเทศนี้ดู ว่าถ้า LDL สูงยังไงก็ต้องกิน statin แล้วผมเอาความรู้ที่ไหนมาบอกเขา เอาแต่อ่านจาก google เขาเป็นหมอศิริราช เขาจบแพทย์จุฬามา \n\nสิ่งอยากตอบคือ ไอ้ที่ผมเอามาพูดก็มาจาก หมอในโรงพยาบาล นั่นแหละ ไม่ได้คิดเองพูดเอง และหมอหัวใจที่ดูแลแม่ ผมก็เคยพูดแบบนี้กับเขาแล้ว และเขาก็อธิบายได้อย่างใช้เหตุผล แถมยังแอบพูดกับผมเองเลยว่า เขายอมรับว่ามันมีบริษัทยาซื้อตัวหมอจริงๆ และมีการล็อบบี้เปเปอร์เขาข้างยาบางตัว แต่เขาจำเป็นต้องทำเพราะมันเป็นมาตฐานโรงพยาบาล \n\nมันน่าเสียใจอยู่นะ ที่เขาคิดว่าผมรักแม่ผมน้อยกว่าเขา แต่ผมก็แอบเข้าใจว่าจรรยาบรรณแพทย์ของเขากำลังถูกท้าทายเขาจึงต้องปกป้องมัน\n\nและเข้าใจโรงพยาบาลด้วยว่าถ้าลูกค้าหายโรคหมด หรือตายหมด โรงพยาบาลนี้คงไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นหรือติดอันดับ forbes นั้นจึงเป็นเหตุให้ในโรงพยาบาลมีร้านค้าขนมfiatๆ อยู่ภายในอาคารตั้ง2ร้าน นอกอาคาร 1 ร้าน และร้านอาหารของโรงพยาบาลก็มีแต่เมนู NDC(โรงเรื้อรัง) อีกตังหาก\n\nสุดท้ายแล้วเหตุผลที่ทำให้ผมต้องพูดประนั้นออกไป ก็เพราะว่าค่าตับของแม่ผมสูงกว่าปกติ 3 เท่า หมอหัวใจ(ไม่ใช่คนที่ด่าผม) จึงสั่งงด statin ไป 2 อาทิตย์ และระหว่างนั้นก็ได้ตามหาสาเหตุอื่นๆคู่กันไป เช่น ไวรัสตับอักเสพประเภทต่างๆ\n\nจนปัจจุบัน ค่าตับแม่ผมดีขึ้น 1 เท่าตัว และไม่เจอสาเหตุอื่นใด หมอทางเดินอาหารจึงสรุปว่าเป็นเพราะ statin จึงควรหยุดยาสักระยะหนึ่ง\n#siamstr",
"sig": "a2b97c5ac193a00486ce99bb12899521222efd79b9ec645dcd542e6b86af6cab41449510ee3d362cbf5f5622916c3ab5204ef29dffafd22a9313150d7452bb5f"
}