journaling_our_journey on Nostr: ...
หลายคนทุ่มเทให้กับความรักเป็นอย่างมาก
.
พวกเขาหวังว่า แฟนจะมองเห็นความทุ่มเทของพวกเขา และอยากขยับความสัมพันธ์ไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว (เช่น ขยับสถานะจาก “แฟน” เป็น “คู่หมั้น”)
.
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนก็คือ ไม่ว่าพวกเขาจะทุ่มเทให้กับแฟนขนาดไหน แฟนก็ยังคง “นิ่งเฉย” และไม่มีท่าทีว่าอยากจะขยับความสัมพันธ์ไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย
.
สถานการณ์ความสัมพันธ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเลิกกันในท้ายที่สุด
.
แต่หลังจากที่พวกเขาเลิกกับแฟนไปได้ไม่นาน แฟนของพวกเขาก็เริ่มต้นกับคนใหม่
.
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่แฟนของพวกเขาเริ่มต้นกับคนใหม่ไปได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ก็มีการขยับไปข้างหน้า (เช่น เปลี่ยนสถานะจาก “แฟน” เป็น “คู่หมั้น”) เป็นที่เรียบร้อย!
.
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะตัดสินตัวเองว่า “ฉันต้องดีไม่พอแน่ๆเลย เมื่อเทียบกับแฟนคนใหม่นั้น”
.
อย่างไรก็ตาม การตัดสินตัวเองในลักษณะนี้อาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวครับ
.
เพราะความเป็นจริงก็คือ เวลาที่คู่รักเพิ่งจะคบกันในช่วงแรกๆ สิ่งที่คู่รักทุ่มเทให้กันและกันมันเป็นอะไรที่ “พิเศษ” ในความรู้สึกของแฟน ต่อให้สิ่งที่ทุ่มเทให้กันจะเป็นเรื่อง “เล็กๆน้อยๆ” ก็ตาม (เช่น การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้แฟนกิน)
.
แต่พอคู่รักคบกันไปนานๆสักระยะ สิ่งที่คู่รักทุ่มเทให้กันและกัน มันเริ่มไม่รู้สึก “พิเศษ” อีกต่อไป ต่อให้สิ่งที่ทุ่มเทให้กันจะมีขนาด “ใหญ่โต” ก็ตาม (เช่น การทำอาหารระดับ “ภัตตาคาร” ให้แฟนกิน)
.
อันที่จริง สำหรับคู่รักที่คบกันไปนานๆหลายคู่ นอกจากมันจะไม่ได้รู้สึก “พิเศษ” แล้ว มันยังเริ่มรู้สึก “ชินชา” อีกด้วย!
.
นี่จึงเป็นสาเหตุข้อหนึ่งที่อาจจะอธิบายสถานการณ์ “ทุ่มเทแทบตาย แต่ก็ไร้การตอบสนองใดใด” ได้
.
มันไม่ได้หมายความว่าเรา “ดีไม่พอ” เสมอไป
.
เพราะมันก็มีความเป็นไปได้ว่า หลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปสักพัก ความ “ชินชา” หรือ “เฉยเมย” ที่เราเคยได้รับจากแฟนเก่าของเรา ก็อาจเป็นสิ่งที่คนใหม่จะต้องเจอเช่นกันครับ (เว้นแต่แฟนเก่าจะมีการทบทวนตัวเองและตั้งใจแก้ไขจุดนี้อย่างจริงจัง…ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเพราะเรา “ดีไม่พอ” อยู่ดีครับ)
.
อ้างอิง
https://doi.org/10.1016/0022-1031(80)90007-4#จิตวิทยา #siamstr
Published at
2025-03-14 06:16:18Event JSON
{
"id": "ea046936cb96a47f3b3639dd1a600fadab732cd14e6e9096e579012b4fa88202",
"pubkey": "b6f9d31f224732a108e22eee19207431e343d514483e0f86aa7d4f7c8ab0904f",
"created_at": 1741932978,
"kind": 1,
"tags": [
[
"imeta",
"url https://image.nostr.build/c8defc4015804bf1e043fcaff017adbe2ecaae3a94ead91637f4c183358e4b07.jpg",
"m image/jpeg",
"x 16c928dfe43931ca06fcd5499c71ab75a9a6768917630d694cd4daebae03613b",
"ox c8defc4015804bf1e043fcaff017adbe2ecaae3a94ead91637f4c183358e4b07",
"blurhash LVR2l8Q8VXyE-os+ocoL~9-4oJXA",
"dim 940x788",
"thumb https://image.nostr.build/thumb/c8defc4015804bf1e043fcaff017adbe2ecaae3a94ead91637f4c183358e4b07.jpg"
],
[
"t",
"จิตวิทยา"
],
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "https://image.nostr.build/c8defc4015804bf1e043fcaff017adbe2ecaae3a94ead91637f4c183358e4b07.jpg\n\nหลายคนทุ่มเทให้กับความรักเป็นอย่างมาก\n.\nพวกเขาหวังว่า แฟนจะมองเห็นความทุ่มเทของพวกเขา และอยากขยับความสัมพันธ์ไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว (เช่น ขยับสถานะจาก “แฟน” เป็น “คู่หมั้น”)\n.\nแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนก็คือ ไม่ว่าพวกเขาจะทุ่มเทให้กับแฟนขนาดไหน แฟนก็ยังคง “นิ่งเฉย” และไม่มีท่าทีว่าอยากจะขยับความสัมพันธ์ไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย\n.\nสถานการณ์ความสัมพันธ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเลิกกันในท้ายที่สุด\n.\nแต่หลังจากที่พวกเขาเลิกกับแฟนไปได้ไม่นาน แฟนของพวกเขาก็เริ่มต้นกับคนใหม่ \n.\nยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่แฟนของพวกเขาเริ่มต้นกับคนใหม่ไปได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ก็มีการขยับไปข้างหน้า (เช่น เปลี่ยนสถานะจาก “แฟน” เป็น “คู่หมั้น”) เป็นที่เรียบร้อย!\n.\nสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะตัดสินตัวเองว่า “ฉันต้องดีไม่พอแน่ๆเลย เมื่อเทียบกับแฟนคนใหม่นั้น”\n.\nอย่างไรก็ตาม การตัดสินตัวเองในลักษณะนี้อาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวครับ\n.\nเพราะความเป็นจริงก็คือ เวลาที่คู่รักเพิ่งจะคบกันในช่วงแรกๆ สิ่งที่คู่รักทุ่มเทให้กันและกันมันเป็นอะไรที่ “พิเศษ” ในความรู้สึกของแฟน ต่อให้สิ่งที่ทุ่มเทให้กันจะเป็นเรื่อง “เล็กๆน้อยๆ” ก็ตาม (เช่น การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้แฟนกิน)\n.\nแต่พอคู่รักคบกันไปนานๆสักระยะ สิ่งที่คู่รักทุ่มเทให้กันและกัน มันเริ่มไม่รู้สึก “พิเศษ” อีกต่อไป ต่อให้สิ่งที่ทุ่มเทให้กันจะมีขนาด “ใหญ่โต” ก็ตาม (เช่น การทำอาหารระดับ “ภัตตาคาร” ให้แฟนกิน)\n.\nอันที่จริง สำหรับคู่รักที่คบกันไปนานๆหลายคู่ นอกจากมันจะไม่ได้รู้สึก “พิเศษ” แล้ว มันยังเริ่มรู้สึก “ชินชา” อีกด้วย!\n.\nนี่จึงเป็นสาเหตุข้อหนึ่งที่อาจจะอธิบายสถานการณ์ “ทุ่มเทแทบตาย แต่ก็ไร้การตอบสนองใดใด” ได้\n.\nมันไม่ได้หมายความว่าเรา “ดีไม่พอ” เสมอไป\n.\nเพราะมันก็มีความเป็นไปได้ว่า หลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปสักพัก ความ “ชินชา” หรือ “เฉยเมย” ที่เราเคยได้รับจากแฟนเก่าของเรา ก็อาจเป็นสิ่งที่คนใหม่จะต้องเจอเช่นกันครับ (เว้นแต่แฟนเก่าจะมีการทบทวนตัวเองและตั้งใจแก้ไขจุดนี้อย่างจริงจัง…ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเพราะเรา “ดีไม่พอ” อยู่ดีครับ)\n.\nอ้างอิง\nhttps://doi.org/10.1016/0022-1031(80)90007-4\n\n#จิตวิทยา #siamstr",
"sig": "683206ea5f49a972c906b679ce98960c87bc0c98d2b7b4bf3cdf70082f3bde84736b1b138d675530bd26d72a0266efb6db3314ec0ee9c11eccdcd52de0e55e81"
}