
quoting
naddr1qq…xr6tฉบับ Highlights
Demand ของ Bitcoin มาจาก ความต้องการใช้มันเป็น ‘เงิน’ (monetary demand) ที่มีหน้าที่เป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่า (store of value)
หน้าที่ของเงิน
Store of Value* แหล่งเก็บรักษามูลค่า
1.1 Salability across Time : การรักษามูลค่าผ่านกาลเวลา แสดงถึงการเป็นแหล่งเก็บออมที่ดี
- Durable = ความคงทน ยากต่อการทำลายหรือทำให้สูญสลาย เพราะธุรกรรมของ bitcoin คือ การบันทึกลงบัญชีที่ตรวจสอบได้และไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นความจริงที่ยอมรับโดยทั่วกันทั้ง Network
- Scare = จำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ มี stock-to-flow ที่สูงที่สุด (สูงกว่าทองคำ) อัตราการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับ supply ที่มีอยู่ทั้งหมด bitcoin ถูกสร้างโดยการทำ mining ซึ่งต้องใช้พลังงานมหาศาล
1.2 Salability across Space : ความสามารถในการขนส่งผ่านระยะไกล ขนส่งง่าย
- Digital = ไม่มีตัวตนทาง physical ทำให้การขนส่งให้กันทำได้ง่าย อนุมัติธุรกรรมด้วยตนเอง ไม่มีข้อจำกัดด้านการขนส่ง ไม่ต้องมีตัวกลาง
1.3 Salability across Scale : ความสามารถในการแตกออกเป็นหน่วยย่อย เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมเล็ก-ใหญ่ได้ ซึ่ง 1 Bitcoin = 100,000,000 Satoshi
Medium of Exchange สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นผลมาจาก Salability across Scale
Unit of Account หน่วยวัดมูลค่า เป็นผลมาจาก Network effect/Stability ใช้เทียบกับสินทรัพย์อื่น เพื่อดูการเสื่อมมูลค่า การเกิด hyperinflation มีผลให้ราคาสินค้าผันผวนมาก ท้ายสุดคนจะย้ายไปใช้สกุลเงินที่มั่นคงกว่า (stable)
Tools of Control เครื่องมือการควบคุมประชากร เมื่อ Bitcoin ไม่มีตัวกลาง คุณสมบัติข้อนี้จะค่อนข้างอ่อนแอมาก เมื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือของโจร บัญชีจะไม่สามารถถูก freeze ได้ แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ควรเชื่อใจธนาคารเลย
Bitcoin ชนะ Dollar ได้ไหม ?
ไม่จำเป็นต้องเอาชนะ ปกติ 1 สกุลเงินจะเปลี่ยนทุกประมาณ 100-150 ปี เนื่องจากอำนาจในการผลิตจะกระจุกตัวอยู่ที่สกุลเงินหลักสกุลนั้น และเกิดเงินเฟ้อตามมา นั่นคือ ความเป็นเสถียรภาพ หรือ Stability จะโดนทำลายด้วยตัวเอง และตั้งแต่ปี 1971 มูลค่าของ Dollar สูญเสียไปเรื่อยๆ เกือบ 99% แล้ว
ดังนั้น แค่ Bitcoin อยู่รอดได้ เดี๋ยวมันจะโตขึ้นเอง
คุณสมบัติที่สำคัญของ Bitcoin คือ ความเป็น Decentralized !
#siamstr