จากฟลอรินสู่บิตคอยน์.. บทเรียนจาก Layered Money สู่ปรากฎการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงบนโลก
อรุณสวัสดิ์ครับเพื่อนๆ เช้านี้ผมมีโอกาสหยิบหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่านชิลล์ๆ จิบกาแฟตรงสนามหญ้า พลางคิดคล้อยตามหลายๆ อย่างกับเนื้อหา นำมาเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน เลยอยากจะนำมาลองเขียนแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ..
ปี 2023 นับเป็นปีที่โลกการเงินต้องหันมาจ้องมองบิตคอยน์อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เพียงสินทรัพย์เก็งกำไรของคนกลุ่มเล็กๆ อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความผันผวนของตลาด และทิศทางของมันช่างสอดคล้องกับเนิ้อหาในหนังสือ "Layered Money" ของ Nik Bhatia อย่างน่าประหลาดใจ..
ย้อนกลับไปในปี 2008 ในวันที่ Lehman Brothers ล่มสลาย โลกได้รู้จักกับบิตคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลที่ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความไม่ไว้วางใจในระบบการเงินดั้งเดิม Bhatia ได้นำเสนอแนวคิดอันล้ำหน้า เรียกว่า "Layered Money" หรือ "ระบบเงินซ้อนชั้น" เพื่ออธิบายวิวัฒนาการของเงิน ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงลำดับชั้นของเงิน
ตั้งแต่ "เงินชั้นที่หนึ่ง" อย่างทองคำ อันเป็นสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยงจากคู่ค้า สู่ "เงินชั้นที่สอง" ที่ถูกสร้างขึ้นจากหนี้สิน เช่น ธนบัตร หรือเงินฝากธนาคาร และ "เงินชั้นที่สาม" ซึ่งอยู่ห่างไกลจากสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ สิ่งที่ Bhatia เคยคาดการณ์ไว้ในหนังสือ กำลังค่อยๆ เกิดขึ้นจริงในปี 2023
การที่ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin ETF ต่อ SEC ไม่ใช่แค่ข่าวเล็กๆ ในวงการคริปโทฯ แต่มันคือสัญญาณเตือนภัยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปิรามิดเงินดอลลาร์
การที่นักลงทุนสถาบันสนใจบิตคอยน์เพิ่มขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่าบิตคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร แต่มันกำลังก้าวขึ้นเป็น "เงินทุนสำรอง" รูปแบบใหม่ ดังเช่นที่ Michael Saylor และ MicroStrategy ได้ทำไว้เป็นแบบอย่าง
ไม่ใช่เพียงแค่นักลงทุนเท่านั้น.. แม้แต่ Robert F. Kennedy Jr. และ Vivek Ramaswamy (ไปจนถึง Donald Trump) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างหยิบบิตคอยน์ขึ้นมาเป็นนโยบายหาเสียง (สมมุติว่าจริงใจ..) สะท้อนถึงกระแสความต้องการอิสระภาพทางการเงิน อันเป็นหัวใจสำคัญของบิตคอยน์ การที่รัฐบาลอาจถือครองบิตคอยน์เป็นทุนสำรอง ยิ่งตอกย้ำสถานะ "เงินชั้นที่หนึ่ง" ที่ท้าทายอำนาจของเงินดอลลาร์
ความสำเร็จของ MicroStrategy ในการใช้บิตคอยน์เป็นทุนสำรอง เป็นบทพิสูจน์คำทำนายของ Hal Finney ผู้สนับสนุน Bitcoin ในยุคแรกๆ ที่มองเห็นศักยภาพของบิตคอยน์ในการเป็น "เงินชั้นสูง" ที่ทำหน้าที่เป็นสกุลเงินสำรองสำหรับธนาคารในการสร้างสกุลเงินของตัวเอง การเติบโตของ MicroStrategy ยิ่งตอกย้ำว่า Layered Bitcoin กำลังก่อตัวขึ้นจริงๆ
การที่บิตคอยนกลายเป็นประเด็นถกเถียงในกลุ่มชนชั้นนำด้านการลงทุน และในรัฐบาลหลายๆ ประเทศ สะท้อนถึงความกังวลต่ออำนาจที่กำลังถูกท้าทาย Bhatia ได้กล่าวไว้ในหนังสือว่า ระบบการเงินโลกกำลังโหยหาการเริ่มต้นใหม่ และ บิตคอยน์คือคำตอบของโลกที่กำลังมองหากระดานเกมใหม่ทางการเงิน
พอเห็นอะไรแบบนี้แล้ว.. ส่วนตัวผมจึงคิดว่า "Layered Money" นั้นอาจไม่ใช่แค่หนังสือ แต่มันคือแผนที่นำทางสู่อนาคตของโลกการเงิน ที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงของปิรามิดทางการเงิน การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล และความเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะก้าวขึ้นมาเป็น "เงินทุนสำรองของโลก"
โลกยุคใหม่กำลังมุ่งหน้าสู่ระบบการเงินที่ปราศจากพรมแดน ไร้ศูนย์กลาง และผู้คนมีอิสระในการเลือกใช้สกุลเงิน "Layered Money" คือหนึ่งในความเข้าใจ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และเตรียมพร้อมสำหรับโลกการเงินยุคใหม่
..และสำหรับชาวบิตคอยน์ "Layered Money" คือขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจบิตคอยน์ในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนครับ
คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเงิน ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงการกำเนิดของระบบการเงินสมัยใหม่ Bhatia เล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของ "Layered Money" ช่วยให้คุณเข้าใจถึงรากฐานของเงิน Fiat จุดอ่อนของระบบธนาคารกลาง และที่มาของวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
Bhatia อธิบายว่าบิตคอยน์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าทองคำในโลกยุคดิจิทัล (เขานิยามมันว่าเป็นเงินชั้นที่หนึ่ง) มันคือสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยงจากคู่ค้า มีความแน่นอนทางคณิตศาสตร์ ใช้งานได้อย่างอิสระ และต้านทานความโลภของมนุษย์ได้อย่างดี หนังสือจะช่วยให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดบิตคอยน์จึงคู่ควรกับการเป็น "ทองคำดิจิทัล" และทำไมมันถึงดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและบุคคลทั่วโลก
คุณจะได้เห็นภาพอนาคตของบิตคอยน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น Bhatia วิเคราะห์การเกิดขึ้นของบิตคอยน์ในชั้นที่สอง เช่น เงินฝากในตลาดแลกเปลี่ยน สัญญาฟิวเจอร์ส และ Lightning Network ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่ระบบการเงินที่ซับซ้อนและทรงพลัง
Bhatia ชี้ให้เห็นว่าบิตคอยน์กำลังท้าทายระบบการเงินโลก ที่การควบคุมเงินตราอยู่ในมือของรัฐบาลและธนาคารกลางมาอย่างยาวนาน หนังสือจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงพลวัฒน์ของตลาดการเงิน ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์กับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ดังนั้นผมจึงคิดว่า.. "Layered Money" คือคู่มือที่ไม่ควรพลาดสำหรับชาวบิตคอยน์ทุกคน มันจะช่วยให้คุณมองเห็นอนาคต เข้าใจความท้าทาย และพร้อมสำหรับการลงทุนในโลกยุคใหม่ที่บิตคอยน์กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอย่างครับ
แล้วเพื่อนๆ ชอบเนื้อหาส่วนไหนในหนังสือกันบ้างครับ? 🥹
// ประธานซุป SOUP (nprofile…tu89)
#Siamstr