แค่เพราะสุขภาพดีหรือ
ผมเป็นคนชอบเล่นกีฬามากกก ชอบมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนๆแถวบ้านผมเล่นกีฬากันทุกคน ถ้าจะนับสวนสาธารณะแถวบ้านนี่สามารถไปได้ทั้งอาทิตย์แบบไม่ซ้ำกันเลย
มันคงเป็น norm ของคนต่างจังหวัด ตื่นเช้าออกกำลังกาย ตกเย็นออกกำลังกาย
พอมหาลัยผมเข้าไปเรียนกรุงเทพตามกระแสนิยม เรียนจบ ฝืนทำงานต่ออีก4-5ปี สุดท้ายตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านดีกว่า
หนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจกลับคืออยากได้วิถีชีวิตแบบเดิมคืนมา
พองานที่บ้านเริ่มเข้าที่เข้าทางผมเริ่มหาโอกาสออกไปเล่นกีฬาตอนเย็น
แต่ไอ้เราไปเละเทะอยู่เมืองกรุงมาเกือบ10ปี พบว่าร่างกายมันไม่ไหวแฮะ มันทำอะไรอย่างที่คิดไม่ได้เลย ทั้งๆที่คิดได้เหมือนเดิมทุกอย่าง
พูดเลยว่าตอนนั้นรู้สึกสมเพชตัวเองมาก (มันมีเรื่องของอีโก้ในสังคมกีฬาด้วย คนเล่นกีฬาน่าจะเข้าใจ)
พอมองไปรอบข้างเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมันก็สภาพเดียวกับเราหมดเลย ตอนนั้นถอดใจไปแล้ว
คิดว่ามันเป็นปกติ มันเป็นไปตามวัย
แต่มาดูอีกที เฮ้ย..มันก็ยังมีผู้ใหญ่ที่โคตรแข็งแรงมาเล่นกับเราอยู่เลยนี่หว่า ตอนเช้าตอนเย็นก็ยังเห็นมีลุงๆป้าๆมาวิ่งกันอยู่ตลอดเลย เร็วด้วย!! แถมคุยกันตลอดทางอีก!!! ดูโคตรมีความสุขเลย
นี่มันคือชีวิตที่เราต้องการไม่ใช่รึ
ผมเริ่มศึกษาเรื่องของการดูแลสุขภาพ ยุคนั้นเมื่อ14-15ปีที่แล้ว ไม่มีข้อมูล ไม่มีคนเช็คfact ไม่มีคนตกผลึกในเรื่องต่างๆมาเล่าให้เราฟังมากขนาดนี้
ร่างกายผมเรียกว่าไปตามเทรนช่วงนั้นๆเลย
กินคลีน(555555 ตอนนี้ใครมาคุยกินคลีนนี่ผมขำก๊ากเลยนะ)
นับแคล ผมมีแอปเสียตังค์ซื้อด้วย นับจนแทบจะจำค่าGIของชนิดอาหารได้เลย
หลังๆข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเริ่มเยอะขึ้น เริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
กินตามวันเกิด กินตามกรุ๊ปเลือด มาไงไม่รู้แต่มีศาสตร์ที่น่าสนใจอยู่นะ
กินตามถิ่นกำเนิด กินตามไมโตรคอนเดรียDNA
คีโต fasting conivore
ผมบอกเลย ตลอด10กว่ามานี่ผมทำมาหมดทุกอย่าง มันได้ผลของมันทุกวิธีแหละ ถ้าเราโฟกัสเฉพาะน้ำหนักนะ
แต่ถ้าเราโฟกัสสุขภาพ เรื่องกินมันแค่ส่วนเล็กๆเองนะ มันยังมีเรื่องของแสงอาทิตย์ อีเล็คตรอนทรานเฟอร์ ความเครียด การเมนเทนเซโรโทนินในร่างกาย การบาลานซ์ฮอร์โมน พักผ่อน และอีกเยอะแยะซึ่งล้วนเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก
คุณรู้มั้ยว่าการออกกำลังกายมีส่วนน้อยที่สุด
คุณรู้มั้ยว่าถ้าคุณพักพ่อนเพียงพอ ตื่นมาเดินเท้าเปล่าไปมองแสงอาทิตย์ตอนเช้า มันมีผลมากกว่าพยายามสู้กับตัวเองเพื่อไม่กินแป้งหรือทานวันมื้อนะ(ผมไม่ได้บอกว่าควรกินแป้งหรือทานวันละ3มื้อนะ)
มันเหมือนกับตอนผมรู้จักบิทคอยเลย ผมพยายามเล่าให้คนรอบๆตัวฟัง หลายๆคนเห็นผมร่างกายดี เล่นกีฬาแข็งแรงได้เกือบๆเท่ารุ่นน้องๆเลย ก็เข้ามาถามกัน มีคนฟังบ้างๆไม่ฟังบ้าง บางคนทำตาม แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ (ใครจะไปเชื่อ วิ่งทั้งเกมโดยที่ไม่ได้กินอะไรมาเลยทั้งวัน)
ในส่วนใหญ่ของคนที่ทำสุดท้ายเลิก ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจ หรือไม่มีวินัย แต่เพราะมันไม่เข้ากับชีวิตประจำวันเค้า มันอยู่ยาก
สิ่งที่ผมตกผลึกได้จากการเห็นคนเข้ามาแล้วก็ออกไปอยู่ตลอดเวลาคือ
การดูแลสุขภาพ “มันไม่ใช่วิธี แต่เป็นวิถี”
พยายามหาแบบแผนที่เราคิดว่าจะทำมันได้ทั้งชีวิตโดยไม่บีบเค้นตัวเองจนเกินไป มันจะยั่งยืนกว่า (ยั่งยืนดีกว่าเข้มข้นนะ )
ที่ผมทำมาทั้งหมด มันก็แค่เพราะอยากเล่นกีฬาได้ อยากตอบสนองอีโก้ตัวเองในสนาม
แล้วผมก็ความคิดเปลี่ยน ในวันที่ผมรู้ว่าพ่อผมเป็นมะเร็ง….
คุณน่าจะรู้ว่าความเจ็บป่วยทุกชนิด ไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวผู้ป่วยเอง มันทำร้ายทุกคนในครอบครัวในแทบทุกมิติ
ผมพยายามคุยเรื่องสุขภาพกับพ่อเท่าที่ผมเข้าใจ แต่ท่านก็ไม่buy idea แถมพี่สาวผมเองเป็นหมอด้วย ยิ่งคุยยากเข้าไปใหญ่
ช่วง2-3ปีสุดท้ายของคุณพ่อเป็นช่วงทรมานมากทั้งตัวคุณพ่อเองและคนอื่น
ท่านต้องtakeยาฮอร์โมนเพศหญิงเพราะท่านเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากทำให้อารมณ์แปลปรวนมาก บ่นน้อยใจไม่อยากอยู่
ทำเคโมมาก็คลื่นไส้ตลอดเวลา
พอเริ่มติดเตียง ช่วยตัวเองไม่ได้ ทุกคนต้องวนมาดูแลซึ่งไม่มีใครงานน้อย
บรรยากาศในบ้านมีแต่ความเศร้าหมอง น้อยครั้งมากที่จะได้คุยกันสนุกเฮฮาในบ้าน
มันพาลไปถึงทะเลาะกันเองในบ้าน ผมเอาบรรยากาศเสียๆกลับไปถึงลูกกับแฟนผมเองอีก
พี่สาวผมต้องเร่งจัดงานแต่ง ก่อนที่พ่อจะเดินไม่ไหว
น้องชายผมนี่ต้องพาแฟนไปยกน้ำชากันที่ห้อง ICU และงานจริงก็ช้าไปอาทิตย์นึง คุณลองนึกบรรยากาศงานแต่งสิ ความทรงจำน้องชายผมน้องสะใภ้ผมจะเป็นยังไง
เรื่องค่าใช้จ่ายนี่ไม่ต้องพูดถึง ที่หามาทั้งชีวิตแทบจะหมดได้ ผมมีเพื่อนที่ใช้แทบทั้งหมดนั่นเพื่อให้อาม่าอยู่ต่อได้อีก10วัน
เชื่อมั้ยผมแทบนึกไม่ออกถึงภาพคุณลุงใจดียืนขายขนมอยู่หน้าบ้าน ความทรงจำของผมมีแต่ภาพช่วงท้ายๆของพ่อบนเตียง ทำไมมันเป็นแบบนั้นไปได้ มันไม่ถูกต้องเลย
เป็นช่วงชีวิตที่สอนให้ผมได้รู้ว่า
เราจำเป็นต้องดูแลสุขภาพ มันไม่ใช่แค่เพราะเราอยากสวยอยากหล่อ อยากหุ่นดี อยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง แต่เพราะ
“การดูแลสุขภาพ มันเป็นความรับผิดชอบต่อครอบครัว มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ”
แม้ว่าบางทีมันจะยากหน่อย ต้องใช้วินัยบ้าง แต่ก็พยายามนึกไว้เสมอเถอะ ว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง
เวลาที่ผมเห็นคนอายุเยอะๆที่สุขภาพดีๆ ผมจะรู้สึกนับถือมาก เค้าสร้างPOWไว้เยอะแน่นอน
วันนึงผมก็อยากให้ลูกหลานนับถือผมในแบบนี้เช่นกัน
#Siamstr