70980946 on Nostr: ระบบการเงินในรูปแบบ Fiat ...
ระบบการเงินในรูปแบบ Fiat เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างมากในหมู่นักเศรษฐศาสตร์
ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แม้ว่าระบบนี้จะมีข้อดี เช่น ความยืดหยุ่นในนโยบายการเงินและความสามารถในการตอบสนองต่อวิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับด้านที่ "แย่" ของระบบการเงินในรูปแบบ Fiat :
1. ความเสี่ยงของเงินเฟ้อและภาวะเงินเฟ้อรุนแรง
เงินในรูปแบบ Fiat ไม่มีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์อะไรเลยเช่นทองคำหรือเงิน นั่นหมายความว่ามูลค่าของมันขึ้นอยู่กับคำสั่งและความไว้วางใจของรัฐบาล ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้ตามต้องการ ซึ่งอาจนำไปสู่เงินเฟ้อหากปริมาณเงินเติบโตเร็วกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ซึ่งทำลายกำลังซื้อและการออม ตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ได้แก่ ซิมบับเวและสาธารณรัฐไวมาร์ในเยอรมนี
2. การสูญเสียมูลค่าในระยะยาว
เนื่องจากเงินเฟ้อ สกุลเงิน Fiat มักจะสูญเสียมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป นั่นหมายความว่ากำลังซื้อของเงินลดลง และคนต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการเท่าเดิม สิ่งนี้อาจส่งผล
กระทบต่อการออมและการลงทุนในระยะยาว บังคับให้ผู้คนหาทางเลือกอื่นในการเก็บรักษามูลค่า
3. การควบคุมและการแทรกแซงโดยรัฐบาล
มูลค่าและปริมาณของเงิน Fiat ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางและรัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ รัฐบาลอาจใช้วิธี "การพิมพ์เงิน" เพื่อเป็นทุนสำหรับการใช้จ่ายโดยไม่เพิ่มภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่รับผิดชอบทางการคลังและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
4. การพึ่งพาหนี้สิน
ระบบเงินในรูปแบบ Fiat มักนำไปสู่หนี้สินระดับชาติที่สูง รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินได้ง่ายขึ้นเนื่องจากสามารถพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การกู้ยืมที่มากเกินอาจนำไปสู่วิกฤติหนี้ ซึ่งความสามารถในการชำระหนี้กลายเป็นคำถาม ทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ
5. ความไม่เท่าเทียมและการกระจายความมั่งคั่ง
การสร้างเงินใหม่และการกระจายเงินในช่วงแรกอาจนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง ผู้ที่ได้รับเงินใหม่ก่อน เช่น ธนาคารและสถาบันการเงิน จะได้รับประโยชน์มากกว่าผู้ที่ได้รับเงินในภายหลัง สิ่งนี้อาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความมั่งคั่งแย่ลง นำไปสู่ความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจ
6. ความซับซ้อนและการขาดความโปร่งใส
ระบบการเงินในรูปแบบ Fiat เกี่ยวข้องกับกลไกที่ซับซ้อน เช่น การธนาคารสำรองแบบส่วนเกินและการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งอาจยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจ ความขาดความโปร่งใสนี้อาจทำให้ความเชื่อมั่นในระบบการเงินลดลงและทำให้ผู้คนตัดสินใจทางการเงินได้ยากขึ้น
7. ความเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์
ระบบการเงินในรูปแบบ Fiat อาจเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์ทางการเงิน เช่นที่เห็นในวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ความเชื่อมโยงกันของธนาคารและสถาบันการเงิน พร้อมกับระดับการกู้ยืมและความเสี่ยงที่สูง อาจนำไปสู่ความล้มเหลวของระบบที่ต้องการการแทรกแซงจากรัฐบาลและการช่วยเหลือบริษัทขนาดใหญ่ Too Big to Fail
#Siamstr
Published at
2024-05-14 02:30:22Event JSON
{
"id": "cfcf933ba7db8f5bd198205657c80bb94c32596183779107946276d173798439",
"pubkey": "3d716248aa87e1d87c353af8f8200803255037e9a830af93e188237cbfb36895",
"created_at": 1715653822,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "ระบบการเงินในรูปแบบ Fiat เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างมากในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ \nผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แม้ว่าระบบนี้จะมีข้อดี เช่น ความยืดหยุ่นในนโยบายการเงินและความสามารถในการตอบสนองต่อวิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับด้านที่ \"แย่\" ของระบบการเงินในรูปแบบ Fiat :\n1. ความเสี่ยงของเงินเฟ้อและภาวะเงินเฟ้อรุนแรง\nเงินในรูปแบบ Fiat ไม่มีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์อะไรเลยเช่นทองคำหรือเงิน นั่นหมายความว่ามูลค่าของมันขึ้นอยู่กับคำสั่งและความไว้วางใจของรัฐบาล ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้ตามต้องการ ซึ่งอาจนำไปสู่เงินเฟ้อหากปริมาณเงินเติบโตเร็วกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ซึ่งทำลายกำลังซื้อและการออม ตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ได้แก่ ซิมบับเวและสาธารณรัฐไวมาร์ในเยอรมนี\n2. การสูญเสียมูลค่าในระยะยาว\nเนื่องจากเงินเฟ้อ สกุลเงิน Fiat มักจะสูญเสียมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป นั่นหมายความว่ากำลังซื้อของเงินลดลง และคนต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการเท่าเดิม สิ่งนี้อาจส่งผล\nกระทบต่อการออมและการลงทุนในระยะยาว บังคับให้ผู้คนหาทางเลือกอื่นในการเก็บรักษามูลค่า\n3. การควบคุมและการแทรกแซงโดยรัฐบาล\nมูลค่าและปริมาณของเงิน Fiat ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางและรัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ รัฐบาลอาจใช้วิธี \"การพิมพ์เงิน\" เพื่อเป็นทุนสำหรับการใช้จ่ายโดยไม่เพิ่มภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่รับผิดชอบทางการคลังและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ\n4. การพึ่งพาหนี้สิน\nระบบเงินในรูปแบบ Fiat มักนำไปสู่หนี้สินระดับชาติที่สูง รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินได้ง่ายขึ้นเนื่องจากสามารถพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การกู้ยืมที่มากเกินอาจนำไปสู่วิกฤติหนี้ ซึ่งความสามารถในการชำระหนี้กลายเป็นคำถาม ทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ\n5. ความไม่เท่าเทียมและการกระจายความมั่งคั่ง\nการสร้างเงินใหม่และการกระจายเงินในช่วงแรกอาจนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง ผู้ที่ได้รับเงินใหม่ก่อน เช่น ธนาคารและสถาบันการเงิน จะได้รับประโยชน์มากกว่าผู้ที่ได้รับเงินในภายหลัง สิ่งนี้อาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความมั่งคั่งแย่ลง นำไปสู่ความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจ\n6. ความซับซ้อนและการขาดความโปร่งใส\nระบบการเงินในรูปแบบ Fiat เกี่ยวข้องกับกลไกที่ซับซ้อน เช่น การธนาคารสำรองแบบส่วนเกินและการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งอาจยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจ ความขาดความโปร่งใสนี้อาจทำให้ความเชื่อมั่นในระบบการเงินลดลงและทำให้ผู้คนตัดสินใจทางการเงินได้ยากขึ้น\n7. ความเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์\nระบบการเงินในรูปแบบ Fiat อาจเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์ทางการเงิน เช่นที่เห็นในวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ความเชื่อมโยงกันของธนาคารและสถาบันการเงิน พร้อมกับระดับการกู้ยืมและความเสี่ยงที่สูง อาจนำไปสู่ความล้มเหลวของระบบที่ต้องการการแทรกแซงจากรัฐบาลและการช่วยเหลือบริษัทขนาดใหญ่ Too Big to Fail\n#Siamstr\n",
"sig": "c5ea109c91a9f5968b873ec01a3cc5f30730f5d3de53c66bb243998c300b917d574e567acdd50a58f21c4e72cef2eaf1688f872af3f4eb0bc430fd2ce2cac4f0"
}