Libertarian.realpolitik on Nostr: ...
มูลค่าจิตวิสัยไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดได้ตามอำเภอใจ
.
เศรษฐศาสตร์กระแสหลักอธิบาย "กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม" (law of diminishing marginal utility) ว่าความพึงพอใจใด ๆ ก็ตามมาจากการบริโภคสินค้าและบริการอันเฉพาะเจาะจง และความพึงพอใจของการบริโภคจะลดลงต่อหน่วยจากปริมาณที่เราบริโภคมากขึ้น กฎดังกล่าวถูกนำไปอธิบายผ่านสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า "ฟังก์ชั่นอรรถประโยชน์" (utility function) แต่หากตั้งคำถามว่าในความเป็นจริง ความพึงพอใจมันเป็นสิ่งที่คงที่พอที่จะสามารถคำนวณได้อย่างชัดเจนตามสูตรคำนวณหรือไม่? คำตอบก็คือ "ไม่" ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจในลำดับถัดมาว่า "การประเมินคุณค่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร" และ "การประเมินคุณค่าดังกล่าวเกิดขึ้นตามอำเภอใจหรือไม่?"
.
ตามความคิดของคาร์ล เมนเจอร์ (Carl Menger) ผู้ก่อตั้งสำนักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียนมองว่า "ปัจเจกบุคคลกำหนดมูลค่าของสินค้าตามความสำคัญที่สินค้าและบริการนั้น ๆ มีผลต่อการดำรงชีวิตของเขา" และความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดทำให้ปัจเจกบุคคลต้องหาว่าสิ่งใดสำคัญต่อการดำรงชีวิต มันเป็นผลให้ "มูลค่า หรือ คุณค่า" เป็นสิ่งที่มีลำดับความสำคัญ มีการแบ่งชั้นจากน้อยไปมาก ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นคนทำขนมปัง เขาผลิตขนมปัง 4 ก้อน ผ่านการใช้ทรัพยากรเพื่อบรรลุความต้องการอันไม่สิ้นสุดของเขา ตรงนี้นาย A มีสิ่งที่ต้องคิดในหัวว่า "สิ่งสำคัญมากที่สุด" ในตอนนี้คือ เขาจะต้องบริโภคขนมปังที่เขาผลิตเพื่อที่จะกระทั่งชีวิตของเขาเองไม่ให้อดตาย และขนมปังที่เหลือทั้งก้อนที่สอง สามและสี่ก็อาจนำไปแลกเปลี่ยนเพื่อ "สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี" เราจะสังเกตได้ว่าการแลกเปลี่ยนขนมปังก้อนที่สองและสามเป็นสิ่งที่นาย A แลกเปลี่ยนทรัพยากรของเขากับสินค้าอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการหลากหลายอย่างอันไม่มีสิ้นสุด ตรงนี้มันก่อให้เกิดความเหมาะสมของทรัพยากรที่นำไปแลกเปลี่ยนโดยคำนึงถึงมูลค่าของความต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการเสื้อเพื่อสวมใส่ นาย A จะต้องตัดสินใจว่าจะใส่เสื้อลำลอง หรือ เสื้อทำงาน โดยนาย A จะต้องหาเสื้อหลายตัวและหลายแบบเพื่อหาตัวที่เหมาะสมกับความต้องการอันเฉพาะเจาะจงของเขา ในกรณีนี้ถ้านาย A ทำงานอยู่กับเตาอบขนมปังที่ร้อนมาก เขาก็จำเป็นต้องหาเสื้อที่บางเพื่อให้ถ่ายเทความร้อนได้ดีในระหว่างทำงาน
.
หมายความว่ามูลค่าจึงเป็นผลมาจากความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุดของปัจเจกบุคคลตามแต่ละสถานการณ์ พื้นที่และเวลา ยิ่งไปกว่านั้นความต้องการของมนุษย์เองก็ไม่ได้ถูกกำหนดตามอำเภอใจ แต่ถูกจำลำดับตามความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้านาย A จำลำดับความสำคัญของชีวิตตามอำเภอใจแล้ว เขาก็จะต้องอยู่บนความเสี่ยงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ยกตัวอย่างก็คือ ในอากาศหนาวเย็นเยือกที่ใครต่อใครก็ต้องการความอบอุ่น สำหรับสถานการณ์ของนาย A ถ้านาย A จัดสรรทรัพยากรส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงของเขาเช่น อาหารและที่พักอาศัยอันอบอุ่น และจัดสรรทรัพยากรส่วนน้อยให้กับตัวเองแทนเช่น อาจจะไม่มีที่พักที่อบอุ่นและอาหารที่ไม่เพียงพอ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือสัตว์เลี้ยงก็จะมีชีวิตรอดต่อในอากาศหนาวเย็น ในขณะที่นาย A ก็เสี่ยงที่จะป่วย
.
ด้วยเหตุนี้เอง แนวคิดอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (marginal utility) ไม่ใช่สิ่งที่ตามเศรษฐศาสตร์กระแสหลักเข้าใจว่า การเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วยสะท้อนอรรถประโยชน์มวลรวมในเชิงปริมาณ แต่สิ่งที่เรียกว่า 'อรรถประโยชน์' เป็นผลมาจากการจัดลำดับความสำคัญและลำดับชั้นของแต่ละบุคคลในการดำรงชีวิตของเขา ความต้องการเฉพาะเจาะจงกำหนดมูลค่าที่สะท้อนทรัพยากรเพื่อแลกเปลี่ยนมัน มูลค่าจิตวิสัยนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาตามอำเภอใจ แต่ตามความเหมาะสมของดำรงชีพและความเป็นอยู่ที่ดีแต่ละคน ดังนั้น การประเมินมูลค่าที่แตกต่างของคนจึงจะต้องสะท้อนกับความเป็นจริงเสมอ ถ้าหากการประเมินมูลค่าเกิดขึ้นตามอำเภอใจแล้วละก็ มันก็จะนำความเสี่ยงมาสู่ตนเอง
.
บรรณานุกรม
Karl E. Case and Ray C. Fair, Principles of Microeconomics, 7th ed. (Amsterdam, NL: Prentice Hall, 2003).
Carl Menger, Principles of Economics, trans. James Dingwall and Bert F. Hoselitz (Auburn, AL: Ludwig von Mises Institute, 2007), chap. 3.
Shostak, Frank. Subjective Value Is Not the Same as Arbitrary Value. (Auburn, AL: Ludwig von Mises Institute, 2021).
Published at
2023-11-03 02:10:27Event JSON
{
"id": "cea15fd88a04345dd09290f9cd1c71a2fae58a2abe38ad02204f5403a8f4a9bb",
"pubkey": "3f930d5f05b2bb0c962ca56e5008d110a831ddd8395105c9b932c2317cd8ce4b",
"created_at": 1698977427,
"kind": 1,
"tags": [
[
"r",
"https://i.nostrimg.com/82299ebdd819497d9b3dd6f22d78485930dfc0e12f2f16dfb1749933f2b7e519/file.jpg"
]
],
"content": "มูลค่าจิตวิสัยไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดได้ตามอำเภอใจ\n\n.\nเศรษฐศาสตร์กระแสหลักอธิบาย \"กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม\" (law of diminishing marginal utility) ว่าความพึงพอใจใด ๆ ก็ตามมาจากการบริโภคสินค้าและบริการอันเฉพาะเจาะจง และความพึงพอใจของการบริโภคจะลดลงต่อหน่วยจากปริมาณที่เราบริโภคมากขึ้น กฎดังกล่าวถูกนำไปอธิบายผ่านสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า \"ฟังก์ชั่นอรรถประโยชน์\" (utility function) แต่หากตั้งคำถามว่าในความเป็นจริง ความพึงพอใจมันเป็นสิ่งที่คงที่พอที่จะสามารถคำนวณได้อย่างชัดเจนตามสูตรคำนวณหรือไม่? คำตอบก็คือ \"ไม่\" ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจในลำดับถัดมาว่า \"การประเมินคุณค่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร\" และ \"การประเมินคุณค่าดังกล่าวเกิดขึ้นตามอำเภอใจหรือไม่?\" \n\n.\nตามความคิดของคาร์ล เมนเจอร์ (Carl Menger) ผู้ก่อตั้งสำนักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียนมองว่า \"ปัจเจกบุคคลกำหนดมูลค่าของสินค้าตามความสำคัญที่สินค้าและบริการนั้น ๆ มีผลต่อการดำรงชีวิตของเขา\" และความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดทำให้ปัจเจกบุคคลต้องหาว่าสิ่งใดสำคัญต่อการดำรงชีวิต มันเป็นผลให้ \"มูลค่า หรือ คุณค่า\" เป็นสิ่งที่มีลำดับความสำคัญ มีการแบ่งชั้นจากน้อยไปมาก ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นคนทำขนมปัง เขาผลิตขนมปัง 4 ก้อน ผ่านการใช้ทรัพยากรเพื่อบรรลุความต้องการอันไม่สิ้นสุดของเขา ตรงนี้นาย A มีสิ่งที่ต้องคิดในหัวว่า \"สิ่งสำคัญมากที่สุด\" ในตอนนี้คือ เขาจะต้องบริโภคขนมปังที่เขาผลิตเพื่อที่จะกระทั่งชีวิตของเขาเองไม่ให้อดตาย และขนมปังที่เหลือทั้งก้อนที่สอง สามและสี่ก็อาจนำไปแลกเปลี่ยนเพื่อ \"สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี\" เราจะสังเกตได้ว่าการแลกเปลี่ยนขนมปังก้อนที่สองและสามเป็นสิ่งที่นาย A แลกเปลี่ยนทรัพยากรของเขากับสินค้าอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการหลากหลายอย่างอันไม่มีสิ้นสุด ตรงนี้มันก่อให้เกิดความเหมาะสมของทรัพยากรที่นำไปแลกเปลี่ยนโดยคำนึงถึงมูลค่าของความต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการเสื้อเพื่อสวมใส่ นาย A จะต้องตัดสินใจว่าจะใส่เสื้อลำลอง หรือ เสื้อทำงาน โดยนาย A จะต้องหาเสื้อหลายตัวและหลายแบบเพื่อหาตัวที่เหมาะสมกับความต้องการอันเฉพาะเจาะจงของเขา ในกรณีนี้ถ้านาย A ทำงานอยู่กับเตาอบขนมปังที่ร้อนมาก เขาก็จำเป็นต้องหาเสื้อที่บางเพื่อให้ถ่ายเทความร้อนได้ดีในระหว่างทำงาน \n\n.\nหมายความว่ามูลค่าจึงเป็นผลมาจากความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุดของปัจเจกบุคคลตามแต่ละสถานการณ์ พื้นที่และเวลา ยิ่งไปกว่านั้นความต้องการของมนุษย์เองก็ไม่ได้ถูกกำหนดตามอำเภอใจ แต่ถูกจำลำดับตามความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้านาย A จำลำดับความสำคัญของชีวิตตามอำเภอใจแล้ว เขาก็จะต้องอยู่บนความเสี่ยงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ยกตัวอย่างก็คือ ในอากาศหนาวเย็นเยือกที่ใครต่อใครก็ต้องการความอบอุ่น สำหรับสถานการณ์ของนาย A ถ้านาย A จัดสรรทรัพยากรส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงของเขาเช่น อาหารและที่พักอาศัยอันอบอุ่น และจัดสรรทรัพยากรส่วนน้อยให้กับตัวเองแทนเช่น อาจจะไม่มีที่พักที่อบอุ่นและอาหารที่ไม่เพียงพอ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือสัตว์เลี้ยงก็จะมีชีวิตรอดต่อในอากาศหนาวเย็น ในขณะที่นาย A ก็เสี่ยงที่จะป่วย \n\n.\nด้วยเหตุนี้เอง แนวคิดอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (marginal utility) ไม่ใช่สิ่งที่ตามเศรษฐศาสตร์กระแสหลักเข้าใจว่า การเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วยสะท้อนอรรถประโยชน์มวลรวมในเชิงปริมาณ แต่สิ่งที่เรียกว่า 'อรรถประโยชน์' เป็นผลมาจากการจัดลำดับความสำคัญและลำดับชั้นของแต่ละบุคคลในการดำรงชีวิตของเขา ความต้องการเฉพาะเจาะจงกำหนดมูลค่าที่สะท้อนทรัพยากรเพื่อแลกเปลี่ยนมัน มูลค่าจิตวิสัยนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาตามอำเภอใจ แต่ตามความเหมาะสมของดำรงชีพและความเป็นอยู่ที่ดีแต่ละคน ดังนั้น การประเมินมูลค่าที่แตกต่างของคนจึงจะต้องสะท้อนกับความเป็นจริงเสมอ ถ้าหากการประเมินมูลค่าเกิดขึ้นตามอำเภอใจแล้วละก็ มันก็จะนำความเสี่ยงมาสู่ตนเอง\n\n.\nบรรณานุกรม\n\nKarl E. Case and Ray C. Fair, Principles of Microeconomics, 7th ed. (Amsterdam, NL: Prentice Hall, 2003).\n\nCarl Menger, Principles of Economics, trans. James Dingwall and Bert F. Hoselitz (Auburn, AL: Ludwig von Mises Institute, 2007), chap. 3.\n\nShostak, Frank. Subjective Value Is Not the Same as Arbitrary Value. (Auburn, AL: Ludwig von Mises Institute, 2021).\n\n\n\nhttps://i.nostrimg.com/82299ebdd819497d9b3dd6f22d78485930dfc0e12f2f16dfb1749933f2b7e519/file.jpg",
"sig": "5090e131369dee9f80c05a15209b60f1a7237704c80a51da6051fde94590a9a3fa1bd60c8ede0ca0cf397f0dc36adda62380c5ffa0675ae9793022d608fa25c5"
}