miketoshi on Nostr: สมการที่บวกไม่ลงตัว ตอนเด็กๆ ...
สมการที่บวกไม่ลงตัว
ตอนเด็กๆ ฟังพ่ออธิบายว่าเงินเพิ่มขึ้นได้จากการทำ fractional reserve แล้วพอเงินถูกใช้ มันก็จะหมุนวนเปลี่ยนมือ หมุนไปๆ ยิ่งหมุนเร็วได้หลายรอบ เศรษฐกิจก็เติบโตมีเงินเพิ่มขึ้น มันคาใจเพราะหาไม่เจอว่าเงินเพิ่มมาจากไหน ก่อนหน้านั้นเชื่อมโยงเรื่องเงินกับกฎทรงพลังงาน คิดว่าเงินเหมือนสสารไม่มีวันสูญหายหรือสร้างใหม่ได้ พอเห็นทั้งรัฐบาล ธนาคาร ทั้งโลกใครๆก็ทำ เลยคิดว่าคงจะจริงมั้ง ตอนนั้นเลยเปลี่ยนโมเดลในหัวเรื่องเงินใหม่เป็นของสมมติ มันก็เลยพอแถไปได้ว่าเงินเพิ่มลดได้ตามนโยบายรัฐ แต่นั่นก็หมายความว่าเงินเป็นของที่ไม่มีค่า แต่เป็นแค่ใบไม้ที่ถูกปีศาจทานูกิเสกให้เป็นของมีค่า
โตขึ้นมาจนทำงาน พยายามค้นหาที่มาของเงินที่เพิ่มขึ้นได้มาตลอด ก็ไม่เจอคำอธิบายที่น่าพอใจ คำอธิบายที่พอรับได้คือ ประเทศ หรือบริษัท หรือคนที่มี productivity สูงๆ หรือ innovation เด็ดๆ จะก่อให้เกิดรายได้ที่มากกว่าคนอื่น นั่นคือโมเดลความสำเร็จ แต่สมการก็ยังไม่ลงตัว… ทำไมถึงมีคนเก็งกำไรทำให้ราคาหุ้นและทรัพย์สินหายากแพงเป็นหลายเท่าตัว ไปจน 10x-100x กันง่ายๆ วันนี้มองย้อนกลับไปมันล้อกับอัตราคูณของการทำ fractional reserve อย่างเหลือเชื่อ… คนเหล่านี้เอาเงินมาจากไหนกันเยอะแยะ เขาเก็บสะสมมาหลายชั่วอายุคนหรือว่ามีแบ็คใหญ่สายป่านยาวหนุนหลัง สงสัยว่าคนที่อยู่ในโลกการเงินคงรู้อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้
ความเจ๋งของ Bitcoin philosophy คือมันตอบสมการเงินบนโลกได้ลงตัว และเปิดโปงกลไกของโลกการเงินได้แบบหมดเปลือก เริ่มจากการแยกเงินออกจากเงินตรา พอแยกออกได้ สมการเงินก็ลงตัวทันที เพราะมันชัดแจ้งพอๆกับ Conservation of energy ที่เป็น Universal truth เหมือนที่พี่วิชิตว่าไว้ สิ่งที่ผมตกผลึกได้วันนี้คือ เงินเป็นตัวสะท้อนมูลค่าของ productivity ของผู้คน ที่ค่อยๆสะสมและเอาไปใช้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆด้วยการออกกฎหรือคำสั่งจากมนุษย์ ส่วนเงินตราเป็นสิ่งสมมติที่เริ่มจาก productivity เช่นกัน แต่ด้วยความที่มันถูกกำหนดขึ้นโดยมนุษย์ มันเลยเปลี่ยนแปลงไปได้ตามบัญชาผู้มีอำนาจ และสมการของเงินตราก็เลยซับซ้อนกว่าสมการของเงินมากๆ ต้องคำนึงถึงเงินหลายชั้น และตัวทวีคูณที่มาจากการออกนโยบายของรัฐ
รู้แล้วยังไงต่อ… ก็จะได้ใช้ทักษะที่เรียนรู้มาหาเงิน fiat ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง แล้วแปลงส่วนที่ต้องการออมเป็นเงินจริงๆ ได้อย่างสบายใจ เพราะแยกออกแล้วว่าอะไรเป็นเงินที่เราเคยคิดในตอนเด็กจริงๆ และที่ดีที่สุดคือเรามีเงินที่ดีกว่าคนยุคก่อนแล้ว ก็คือ bitcoin นั่นเอง
#siamstr
Published at
2024-01-07 04:24:11Event JSON
{
"id": "b0cd09ba8085dd92daf2ae13a88adbd5bdee6acf959fbe241e4f8f7c1a07fdcf",
"pubkey": "22832224376ee768434c7bae3321aa5ad29d4063eca550b1ea8ceab574f3e1d1",
"created_at": 1704601451,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "สมการที่บวกไม่ลงตัว\n\nตอนเด็กๆ ฟังพ่ออธิบายว่าเงินเพิ่มขึ้นได้จากการทำ fractional reserve แล้วพอเงินถูกใช้ มันก็จะหมุนวนเปลี่ยนมือ หมุนไปๆ ยิ่งหมุนเร็วได้หลายรอบ เศรษฐกิจก็เติบโตมีเงินเพิ่มขึ้น มันคาใจเพราะหาไม่เจอว่าเงินเพิ่มมาจากไหน ก่อนหน้านั้นเชื่อมโยงเรื่องเงินกับกฎทรงพลังงาน คิดว่าเงินเหมือนสสารไม่มีวันสูญหายหรือสร้างใหม่ได้ พอเห็นทั้งรัฐบาล ธนาคาร ทั้งโลกใครๆก็ทำ เลยคิดว่าคงจะจริงมั้ง ตอนนั้นเลยเปลี่ยนโมเดลในหัวเรื่องเงินใหม่เป็นของสมมติ มันก็เลยพอแถไปได้ว่าเงินเพิ่มลดได้ตามนโยบายรัฐ แต่นั่นก็หมายความว่าเงินเป็นของที่ไม่มีค่า แต่เป็นแค่ใบไม้ที่ถูกปีศาจทานูกิเสกให้เป็นของมีค่า\n\nโตขึ้นมาจนทำงาน พยายามค้นหาที่มาของเงินที่เพิ่มขึ้นได้มาตลอด ก็ไม่เจอคำอธิบายที่น่าพอใจ คำอธิบายที่พอรับได้คือ ประเทศ หรือบริษัท หรือคนที่มี productivity สูงๆ หรือ innovation เด็ดๆ จะก่อให้เกิดรายได้ที่มากกว่าคนอื่น นั่นคือโมเดลความสำเร็จ แต่สมการก็ยังไม่ลงตัว… ทำไมถึงมีคนเก็งกำไรทำให้ราคาหุ้นและทรัพย์สินหายากแพงเป็นหลายเท่าตัว ไปจน 10x-100x กันง่ายๆ วันนี้มองย้อนกลับไปมันล้อกับอัตราคูณของการทำ fractional reserve อย่างเหลือเชื่อ… คนเหล่านี้เอาเงินมาจากไหนกันเยอะแยะ เขาเก็บสะสมมาหลายชั่วอายุคนหรือว่ามีแบ็คใหญ่สายป่านยาวหนุนหลัง สงสัยว่าคนที่อยู่ในโลกการเงินคงรู้อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ \n\nความเจ๋งของ Bitcoin philosophy คือมันตอบสมการเงินบนโลกได้ลงตัว และเปิดโปงกลไกของโลกการเงินได้แบบหมดเปลือก เริ่มจากการแยกเงินออกจากเงินตรา พอแยกออกได้ สมการเงินก็ลงตัวทันที เพราะมันชัดแจ้งพอๆกับ Conservation of energy ที่เป็น Universal truth เหมือนที่พี่วิชิตว่าไว้ สิ่งที่ผมตกผลึกได้วันนี้คือ เงินเป็นตัวสะท้อนมูลค่าของ productivity ของผู้คน ที่ค่อยๆสะสมและเอาไปใช้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆด้วยการออกกฎหรือคำสั่งจากมนุษย์ ส่วนเงินตราเป็นสิ่งสมมติที่เริ่มจาก productivity เช่นกัน แต่ด้วยความที่มันถูกกำหนดขึ้นโดยมนุษย์ มันเลยเปลี่ยนแปลงไปได้ตามบัญชาผู้มีอำนาจ และสมการของเงินตราก็เลยซับซ้อนกว่าสมการของเงินมากๆ ต้องคำนึงถึงเงินหลายชั้น และตัวทวีคูณที่มาจากการออกนโยบายของรัฐ\n\nรู้แล้วยังไงต่อ… ก็จะได้ใช้ทักษะที่เรียนรู้มาหาเงิน fiat ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง แล้วแปลงส่วนที่ต้องการออมเป็นเงินจริงๆ ได้อย่างสบายใจ เพราะแยกออกแล้วว่าอะไรเป็นเงินที่เราเคยคิดในตอนเด็กจริงๆ และที่ดีที่สุดคือเรามีเงินที่ดีกว่าคนยุคก่อนแล้ว ก็คือ bitcoin นั่นเอง\n\n#siamstr",
"sig": "a13ba0a1b80bb245558a877e1456f2579a6117c11d73bca73b732bc8bbda4006f93c9ae8dbe7bb29d5f87b0f7a8eeb9895e0e4cb0ffe762a5067e8b1bc136f16"
}