9shrek on Nostr: ผมรู้สึกไปคนเดียวรึป่าว ...
ผมรู้สึกไปคนเดียวรึป่าว ว่าการเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพูด สังคมอักเสบ มันจะเริ่มมาบูมในช่วงยุคของผม(เด็กปี2000+)
ผมมองว่ามันเกิดจากการที่เป็นยุคเดียวกันกับที่โซเชียลมีเดียเริ่มบูม โซเชียลมีเดียทำให้ทุกอย่างง่ายไปหมด พูดคุยกันโดยไม่ต้องฝึกพูด มีเพื่อนได้โดยการแค่ขยับนิ้ว ทุกอย่างมันง่ายไปหมด
เมื่อเทียบกับยุคของคุณพ่อคุณแม่ของผม ยุคก่อนจะมีไฟฟ้าใช้ ทุกคนจะต้องสื่อสารกันจริงๆคุยกันจริงๆเพื่อแลกเปลี่ยน สื่อสาร หรือบอกความต้องการ ผมสังเกตว่ามีผู้ใหญ่หลายๆคน แทบจะ 90% เป็นคนพูดเก่ง น่าจะเพราะที่ผมกล่าวไปก่อนหน้าคือยุคที่โซเชียลยังมาไม่ถึง ผู้คนได้พูดคุยสื่อสารกันจริงๆบนโลกความจริง
กลับมาที่เวลาไล่เลี่ยปัจจุบัน ต่อมาหลังจากที่ทุกอย่างมันง่ายซะเหลือเกิน ;social disrupt เป็นช่วงเดียวกันที่การจำแนกประเภทคนได้มีการบูมเป็นอย่างมาก mbti infj entp ฯ ผมมองว่ามันอาจจะมีอยู่จริง ใช้ได้จริง แต่ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน เพราะหากเจ้าตัวรู้เมื่อไหร่ เจ้าตัวจะยอมจำนนทันทีว่าตัวเองเป็นแบบนี้จริงและแบบนี้ตลอดไป
กลายเป็นว่าการจำแนกประเภทคนถูกสมองนำมาใช้เป็นเครื่องมือ ให้เราไม่กล้าที่จะก้าวข้ามความเป็นตัวเรา(ณ ตอนนั้น)(ใช้ ณ ตอนนั้น เพราะจริงๆแล้วคนเราเปลี่ยนได้) ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนตัวเอง สมองคงอยากรักษาพลังงานไว้ เพราะหลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลง มันคือการทำพฤติกรรมใหม่ เหตุการณ์ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ สมองจะต้องคิดหาวิธีรับมือกับสิ่งใหม่ๆที่ไม่รู้จัก ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าการเจออะไรเดิมๆรับมืออะไรเดิมๆ สมองจึงเลือกที่จะรักษาพลังงานไว้โดยไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือทำอะไรใหม่ๆ(การพัมนาตัวเองเลยเป็นเรื่องยาก เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลง)
เป็นช่วงเวลาเดียวกันเลยที่ extrovert และ introvert มีความแพร่หลายเป็นอย่างมาก แต่ๆๆๆเราจะพูดแค่เรื่อง introvet(=รู้สึกได้ชาร์จเอเนอจีตอนอยู่คนเดียว แนวๆนั้น) แต่คนยุคผม(ปี2000+) มักจะเข้าใจว่า introvert = ไม่ชอบเจอคน ไม่อยากเจอคน ไม่อยากมีสังคม แต่มันไม่ใช่เลย พอหลายๆคนมองว่า introvert คือไม่ชอบเจอคน จึงทำให้สมองหยิบเอาคำว่า introvert ไปเป็นเครื่องมือ(อีกครั้ง) ให้คนที่เชื่อเหลือเกินว่าตัวเองนั้นเป็นอินโทรเวิร์ต ไม่ต้องไปเข้าสังคม ไม่เจอคนใหม่ๆ (เหตุผลจะวนกลับไปที่การรักษาพลังงาน)
ส่วนตัวผมนั้นไม่เชื่อว่าการจำแนกประเภทคนมีอยู่จริง แต่มันเป็นแค่เครื่องมือที่ถูกหยิบมาใช้เพื่อให้เราไม่กล้าก้าวข้ามความเป็นตัวเรา(ณ ตอนนั้น)เท่านั้น (ส่วนตัวผมเคยเชื่อมากๆว่าตัวเองนี่แหละอินโทรเวิร์ตไม่เข้าสังคม แต่ผมได้ลองดูแล้วว่าการจำแนกประเภทคนนั้นใช้ไม่ได้ผลจริง กลับกันเหมือนกับว่ามันเป็นแค่การจำแนกพฤติกรรมของคน ณ เวลานั้นๆมากกว่า ไม่ใช่การจำแนกเพื่อบอกว่าใครเป็นแบบไหนไปตลอดชีวิต)
#zap #nostr #siamstr
Published at
2024-01-06 04:43:20Event JSON
{
"id": "b3bf8e156f2f01bccf2062d506572bb93906eb3d9b6041db4e7e0fb4ec4c0edf",
"pubkey": "4abce21a1e851a68bcc40c42aaf5128294337cd6106d72c0196dac5eb25c4a3e",
"created_at": 1704516200,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"zap"
],
[
"t",
"nostr"
],
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "ผมรู้สึกไปคนเดียวรึป่าว ว่าการเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพูด สังคมอักเสบ มันจะเริ่มมาบูมในช่วงยุคของผม(เด็กปี2000+) \n\nผมมองว่ามันเกิดจากการที่เป็นยุคเดียวกันกับที่โซเชียลมีเดียเริ่มบูม โซเชียลมีเดียทำให้ทุกอย่างง่ายไปหมด พูดคุยกันโดยไม่ต้องฝึกพูด มีเพื่อนได้โดยการแค่ขยับนิ้ว ทุกอย่างมันง่ายไปหมด \nเมื่อเทียบกับยุคของคุณพ่อคุณแม่ของผม ยุคก่อนจะมีไฟฟ้าใช้ ทุกคนจะต้องสื่อสารกันจริงๆคุยกันจริงๆเพื่อแลกเปลี่ยน สื่อสาร หรือบอกความต้องการ ผมสังเกตว่ามีผู้ใหญ่หลายๆคน แทบจะ 90% เป็นคนพูดเก่ง น่าจะเพราะที่ผมกล่าวไปก่อนหน้าคือยุคที่โซเชียลยังมาไม่ถึง ผู้คนได้พูดคุยสื่อสารกันจริงๆบนโลกความจริง \nกลับมาที่เวลาไล่เลี่ยปัจจุบัน ต่อมาหลังจากที่ทุกอย่างมันง่ายซะเหลือเกิน ;social disrupt เป็นช่วงเดียวกันที่การจำแนกประเภทคนได้มีการบูมเป็นอย่างมาก mbti infj entp ฯ ผมมองว่ามันอาจจะมีอยู่จริง ใช้ได้จริง แต่ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน เพราะหากเจ้าตัวรู้เมื่อไหร่ เจ้าตัวจะยอมจำนนทันทีว่าตัวเองเป็นแบบนี้จริงและแบบนี้ตลอดไป \nกลายเป็นว่าการจำแนกประเภทคนถูกสมองนำมาใช้เป็นเครื่องมือ ให้เราไม่กล้าที่จะก้าวข้ามความเป็นตัวเรา(ณ ตอนนั้น)(ใช้ ณ ตอนนั้น เพราะจริงๆแล้วคนเราเปลี่ยนได้) ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนตัวเอง สมองคงอยากรักษาพลังงานไว้ เพราะหลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลง มันคือการทำพฤติกรรมใหม่ เหตุการณ์ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ สมองจะต้องคิดหาวิธีรับมือกับสิ่งใหม่ๆที่ไม่รู้จัก ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าการเจออะไรเดิมๆรับมืออะไรเดิมๆ สมองจึงเลือกที่จะรักษาพลังงานไว้โดยไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือทำอะไรใหม่ๆ(การพัมนาตัวเองเลยเป็นเรื่องยาก เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลง)\nเป็นช่วงเวลาเดียวกันเลยที่ extrovert และ introvert มีความแพร่หลายเป็นอย่างมาก แต่ๆๆๆเราจะพูดแค่เรื่อง introvet(=รู้สึกได้ชาร์จเอเนอจีตอนอยู่คนเดียว แนวๆนั้น) แต่คนยุคผม(ปี2000+) มักจะเข้าใจว่า introvert = ไม่ชอบเจอคน ไม่อยากเจอคน ไม่อยากมีสังคม แต่มันไม่ใช่เลย พอหลายๆคนมองว่า introvert คือไม่ชอบเจอคน จึงทำให้สมองหยิบเอาคำว่า introvert ไปเป็นเครื่องมือ(อีกครั้ง) ให้คนที่เชื่อเหลือเกินว่าตัวเองนั้นเป็นอินโทรเวิร์ต ไม่ต้องไปเข้าสังคม ไม่เจอคนใหม่ๆ (เหตุผลจะวนกลับไปที่การรักษาพลังงาน) \n\nส่วนตัวผมนั้นไม่เชื่อว่าการจำแนกประเภทคนมีอยู่จริง แต่มันเป็นแค่เครื่องมือที่ถูกหยิบมาใช้เพื่อให้เราไม่กล้าก้าวข้ามความเป็นตัวเรา(ณ ตอนนั้น)เท่านั้น (ส่วนตัวผมเคยเชื่อมากๆว่าตัวเองนี่แหละอินโทรเวิร์ตไม่เข้าสังคม แต่ผมได้ลองดูแล้วว่าการจำแนกประเภทคนนั้นใช้ไม่ได้ผลจริง กลับกันเหมือนกับว่ามันเป็นแค่การจำแนกพฤติกรรมของคน ณ เวลานั้นๆมากกว่า ไม่ใช่การจำแนกเพื่อบอกว่าใครเป็นแบบไหนไปตลอดชีวิต)\n\n\n#zap #nostr #siamstr",
"sig": "6ab24cc17cb6f1c632481fcd5c97823ddedfdccc8f59ec8bf3159cd4c73f1d4c4178aa1dc10ac28468fb9cf9c084b41fa3a6cca9c6eb93268b6efeedbf60b084"
}