journaling_our_journey on Nostr: ...
คู่รักหลายคู่ไม่ได้เลิกกันเพราะพวกเขามีความขัดแย้งที่ชัดเจน ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถไปกันต่อได้
.
สำหรับคู่รักจำนวนไม่น้อย ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินมาเรื่อยๆอย่างราบเรียบ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาก็ตื่นขึ้นมาและพบว่าพวกเขาไม่ได้รักกันแล้ว
.
ในกรณีของคู่รักกลุ่มหลังนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
.
สิ่งหนึ่งที่พบได้บ่อยๆในกรณีของคู่รักกลุ่มหลังนี้คือการที่คู่รักใส่ใจกันและกันน้อยลง
.
…สังเกตได้จากบทสนทนาระหว่างพวกเขาที่เต็มไปด้วยเรื่อง “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” ในชีวิต (เช่น วันนี้จะต้องไปรับลูกกี่โมง จ่ายค่าน้ำค่าไฟแล้วหรือยัง) หรือกิจกรรมที่พวกเขาทำร่วมกัน (เช่น การไปเที่ยว การกอด หรือแม้กระทั่งการมีเซ็กส์) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็น “งาน routine”
.
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ “ระยะห่าง” ในความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักกว้างขึ้นเรื่อยๆๆ…จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาก็อยู่ในจุดที่ห่างกันมากเกินกว่าที่จะ “ต่อกันติด” ได้อีก
.
วันนั้นเองครับ…คือวันที่พวกเขาเลิกกัน
.
มันเหมือนกับที่ Rollo May (นักจิตวิทยาชื่อดัง) เคยกล่าวไว้เลยครับว่า “Hate is not the opposite of love; apathy is.” (สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรักไม่ใช่ความเกลียดชัด แต่มันคือความเฉยชาไม่ยินดียินร้ายอะไร)
.
นี่ไม่ใช่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับคู่รักที่เพิ่งเริ่มต้นคบกัน เพราะในช่วงแรกๆของความรักความสัมพันธ์ คู่รักยังรู้จักกันไม่มาก พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะใส่ใจกันและกันมาก (เพื่อที่จะทำความรู้จักกัน)
.
แต่สำหรับคู่รักที่คบกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่จะฟันธงว่า “ฉันรู้จักแฟนของฉันดีแล้ว” ส่งผลให้ความต้องการที่อยากจะทำความรู้จักแฟนตัวเองลดน้อยลง (และทำให้ความใส่ใจในกันและกันลดน้อยลงมาเช่นกัน)
.
ยิ่งไปกว่านั้น พอคู่รักคบกันไปได้สักระยะและเริ่มต้น commit กันมากขึ้น (เช่น แต่งงานมีลูกด้วยกัน) ชีวิตของพวกเขาจะมี “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” งอกขึ้นมาอีกเป็นกระบุง (เช่น ต้องดูแลลูก ต้องบริหารเงินของครอบครัว) ส่งผลให้เรื่อง “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” เหล่านี้เข้ามาแทรกจนคู่รักไม่มีเวลามาใส่ใจกันและกันได้มากเท่ากับเมื่อก่อน
.
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Jordan Peterson (นักจิตวิทยาชื่อดัง) มักจะให้คำแนะนำกับคู่รักว่า การมี date night (หรือการล็อกเวลาให้คู่รักได้ใช้ “เวลาคุณภาพ” ร่วมกันในฐานะคู่รักอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องสนใจถึงเรื่องอื่นๆในชีวิต) อย่างสม่ำเสมอคือสิ่งที่ “ขาดไม่ได้” หากคู่รักไม่ต้องการให้ความรักความสัมพันธ์ของพวกเขาเหี่ยวเฉาครับ
#จิตวิทยา #siamstr
Published at
2025-04-30 06:49:34Event JSON
{
"id": "bd34e60a4b8e44d1a47e4b54d186df7d66c69b05157408c095fd736395b7b738",
"pubkey": "b6f9d31f224732a108e22eee19207431e343d514483e0f86aa7d4f7c8ab0904f",
"created_at": 1745995774,
"kind": 1,
"tags": [
[
"imeta",
"url https://image.nostr.build/7fa59015e0cc070cfaeeac200ffc72db62ca7f02ab4786780f351f3e0f8f0440.jpg",
"m image/jpeg",
"x 66adb15fb7d03c265364845d9ebeb6d88b49c14e849f7566591c78cb1a85d24f",
"ox 7fa59015e0cc070cfaeeac200ffc72db62ca7f02ab4786780f351f3e0f8f0440",
"blurhash LHSY{q?bof%M-;ayj[of~qR*WBs:",
"dim 940x788",
"thumb https://image.nostr.build/thumb/7fa59015e0cc070cfaeeac200ffc72db62ca7f02ab4786780f351f3e0f8f0440.jpg"
],
[
"t",
"จิตวิทยา"
],
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "https://image.nostr.build/7fa59015e0cc070cfaeeac200ffc72db62ca7f02ab4786780f351f3e0f8f0440.jpg\n\nคู่รักหลายคู่ไม่ได้เลิกกันเพราะพวกเขามีความขัดแย้งที่ชัดเจน ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถไปกันต่อได้\n.\nสำหรับคู่รักจำนวนไม่น้อย ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินมาเรื่อยๆอย่างราบเรียบ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาก็ตื่นขึ้นมาและพบว่าพวกเขาไม่ได้รักกันแล้ว\n.\nในกรณีของคู่รักกลุ่มหลังนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?\n.\nสิ่งหนึ่งที่พบได้บ่อยๆในกรณีของคู่รักกลุ่มหลังนี้คือการที่คู่รักใส่ใจกันและกันน้อยลง \n.\n…สังเกตได้จากบทสนทนาระหว่างพวกเขาที่เต็มไปด้วยเรื่อง “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” ในชีวิต (เช่น วันนี้จะต้องไปรับลูกกี่โมง จ่ายค่าน้ำค่าไฟแล้วหรือยัง) หรือกิจกรรมที่พวกเขาทำร่วมกัน (เช่น การไปเที่ยว การกอด หรือแม้กระทั่งการมีเซ็กส์) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็น “งาน routine”\n.\nทั้งหมดนี้ส่งผลให้ “ระยะห่าง” ในความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักกว้างขึ้นเรื่อยๆๆ…จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาก็อยู่ในจุดที่ห่างกันมากเกินกว่าที่จะ “ต่อกันติด” ได้อีก\n.\nวันนั้นเองครับ…คือวันที่พวกเขาเลิกกัน\n.\nมันเหมือนกับที่ Rollo May (นักจิตวิทยาชื่อดัง) เคยกล่าวไว้เลยครับว่า “Hate is not the opposite of love; apathy is.” (สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรักไม่ใช่ความเกลียดชัด แต่มันคือความเฉยชาไม่ยินดียินร้ายอะไร)\n.\nนี่ไม่ใช่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับคู่รักที่เพิ่งเริ่มต้นคบกัน เพราะในช่วงแรกๆของความรักความสัมพันธ์ คู่รักยังรู้จักกันไม่มาก พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะใส่ใจกันและกันมาก (เพื่อที่จะทำความรู้จักกัน) \n.\nแต่สำหรับคู่รักที่คบกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่จะฟันธงว่า “ฉันรู้จักแฟนของฉันดีแล้ว” ส่งผลให้ความต้องการที่อยากจะทำความรู้จักแฟนตัวเองลดน้อยลง (และทำให้ความใส่ใจในกันและกันลดน้อยลงมาเช่นกัน)\n.\nยิ่งไปกว่านั้น พอคู่รักคบกันไปได้สักระยะและเริ่มต้น commit กันมากขึ้น (เช่น แต่งงานมีลูกด้วยกัน) ชีวิตของพวกเขาจะมี “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” งอกขึ้นมาอีกเป็นกระบุง (เช่น ต้องดูแลลูก ต้องบริหารเงินของครอบครัว) ส่งผลให้เรื่อง “ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ” เหล่านี้เข้ามาแทรกจนคู่รักไม่มีเวลามาใส่ใจกันและกันได้มากเท่ากับเมื่อก่อน\n.\nนี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Jordan Peterson (นักจิตวิทยาชื่อดัง) มักจะให้คำแนะนำกับคู่รักว่า การมี date night (หรือการล็อกเวลาให้คู่รักได้ใช้ “เวลาคุณภาพ” ร่วมกันในฐานะคู่รักอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องสนใจถึงเรื่องอื่นๆในชีวิต) อย่างสม่ำเสมอคือสิ่งที่ “ขาดไม่ได้” หากคู่รักไม่ต้องการให้ความรักความสัมพันธ์ของพวกเขาเหี่ยวเฉาครับ\n\n#จิตวิทยา #siamstr",
"sig": "4e7448b93b240eb2be06680f69abf92b64e6fc9d0841a1156dbf254ee1f11933abdea7de3f13af62bbebd3b27ace4ee3ca86b027831dedfcfaa75820ca4c8d20"
}