Hipknox on Nostr: ใครสักคน : ...
ใครสักคน :
ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นกินข้าวเลย เห็นกินแต่เนื้อสัตว์ไม่ก็ไข่ไก่ ป่วยอยู่หรือเปล่า?
ผม :
ร่างกายของเราใช้พลังงานจากน้ำตาลเพียง 5 กรัม สำหรับเซลล์ที่ไม่สามารถใช้พลังงานจากกรดไขมันได้ แต่เซลล์อื่นๆในร่างกายของเราล้วนใช้พลังงานจากกรดไขมัน เพื่อเป็นพลังงาน เพื่อใช้ซ่อมแซม หรือ สร้างภูมิคุ้มกัน
แต่ตามที่ Standard American Diet : SAD (ไทยเราเรียกอาหาร 5 หมู่) ระบุหลักโภชนาการเอาไว้ให้เป็นมาตรฐานสำหรับทุกคน คือการบอกให้เราเน้นการทานคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง ขนมปัง เป็นหลัก รองลงมาคือผักและผลไม้ ซึ่งการทานผักและผลไม้นั้นร่างกายจะได้รับน้ำหวาน (น้ำตาลกลูโครส) และ ไฟเบอร์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือน้ำตาลที่สานตัวกันเป็นเส้นใย) ก็คือคาร์โบไฮเดรตอีกรูปแบบหนึ่ง น้อยสุดเป็นเนื้อสัตว์ ไข่ นมวัว (โปรตีน) และสุดทายที่ให้หลีกเลี่ยงคือไขมัน
ประเภทของอาหารที่ทาน
แป้ง ข้าว ขนมปัง (คาร์โบไฮเดรต) - 41%
ผัก (คาร์โบไฮเดรต) - 19%
ผลไม้ (แร่ธาตุ, คาร์โบไฮเดรต) - 15%
เนื้อสัตว์ ถั่ว (โปรตีน, ไขมัน) - 22%
น้ำมัน (ไขมัน) - 4%
เมื่อจำแนกเป็นประเภทของสารอาหารจะได้
คาร์โบไฮเดรท > น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว = 74%
โปรตีน > กรดอะมิโน = 22%
ไขมัน > กรดไขมัน = 4%
เราทานคาร์โบไฮเดรตสูงถึง 74% ต่อวัน เพียงเพื่อนำน้ำตาลโมเลกุลเดียว 5 กรัม ไปเป็นพลังงานสำหรับเซลล์ที่ใช้ไขมันเป็นพลังงานไม่ได้? แต่ไขมันและโปรตีนที่ร่างกายและเซลล์อื่นๆ ต้องการเป็นจำนวนมาก เรากลับรับประทานร่วมกันเพียงวันละ 26% ต่อวัน? ไม่คืกว่ามันย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ?
และถ้าน้ำตาลส่วนเกินที่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จนหมด มันจะเกิดกระบวนการแปลงรูปจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไปเป็นกรดไขมันเพื่อเก็บสะสมไว้ที่ตับ และเมื่อเกิดกระบวนการนี้ซ้ำ ๆ จากการทานคาร์โบไฮเดรตเกินความต้องการ ตับที่ไม่มีพื้นที่เหลือพอสำหรับเก็บกักไขมัน ก็จะถูกนำไปสะสมไว้ที่อื่น เช่น ใต้ผิวหนัง พุง ขา แขน เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าโรคอ้วน และ ไขมันพอกตับ
ใครสักคน :
จริงเหรอ? ตรวจสุขภาพหมอยังบอกเลยว่าอย่ากินเนื้อสัตว์เยอะ ไข่ก็ด้วยเพราะมันมีโคเลสเตอรอลสูง
ผม :
อย่างที่บอกมันมีไม่เซลล์ไม่กี่ชนิดในร่างกายที่ใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน เพราะว่าเซลล์อื่น ๆ มันใช้พลังงานจากไขมันเป็นหลัก โคเลสเตอรอลที่บรรดาหมอสุขภาพบอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ การทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่ไก่ ไข่เป็ด เนื้อวัว ไขมันหมู นั้นเพิ่มความเสียงในการเกิดโรคหัวใจ แต่รู้หรือไม่ปริมาณโคเลสเตอรอลที่อยู่ในร่างกายเราประมาณกว่า 80% นั้นถูกผลิตมาจากตับที่เป็นอวัยวะภายในร่างกายของเรา และอีก 20% ที่เหลือนั้นมาจากการทานอาหาร
ใครสักคน :
หืม~ จะใช่หรอ นี่ก็กินแต่แป้ง ไม่ได้แตะไขมันเลยก็ดูปกติไม่เห็นเป็นไรนะ
ผม :
อ่า~ ใช่ ค่าผลเลือดที่ตรวจมาปกติตามค่ามาตรฐานเลยสินะ ;)
ใครสักคน :
ใช่.. นี่ว่าจะสั่งชานมไข่มุกอยู่อะ ค่ายังไม่เกิน Tolerance ยังกินได้อยู่.. ว่าแต่ เอาด้วยมั้ยอะ จะได้สั่งพร้อมกัน?
ผม :
GGEZ
#Siamstr
#GGEZ
Published at
2023-10-10 10:10:36Event JSON
{
"id": "336e5904dc6cc2a1b4a266f47e906341a1592f5ad1d4b7e42d10621992b7eb09",
"pubkey": "0bd1f20c47a4f87d232cfdc70415710a29cb8ee08c10e96c87d880fb3cbb8bc2",
"created_at": 1696932636,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"Siamstr"
],
[
"t",
"GGEZ"
]
],
"content": "ใครสักคน : \nทำไมช่วงนี้ไม่เห็นกินข้าวเลย เห็นกินแต่เนื้อสัตว์ไม่ก็ไข่ไก่ ป่วยอยู่หรือเปล่า?\n\nผม : \nร่างกายของเราใช้พลังงานจากน้ำตาลเพียง 5 กรัม สำหรับเซลล์ที่ไม่สามารถใช้พลังงานจากกรดไขมันได้ แต่เซลล์อื่นๆในร่างกายของเราล้วนใช้พลังงานจากกรดไขมัน เพื่อเป็นพลังงาน เพื่อใช้ซ่อมแซม หรือ สร้างภูมิคุ้มกัน\n\nแต่ตามที่ Standard American Diet : SAD (ไทยเราเรียกอาหาร 5 หมู่) ระบุหลักโภชนาการเอาไว้ให้เป็นมาตรฐานสำหรับทุกคน คือการบอกให้เราเน้นการทานคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง ขนมปัง เป็นหลัก รองลงมาคือผักและผลไม้ ซึ่งการทานผักและผลไม้นั้นร่างกายจะได้รับน้ำหวาน (น้ำตาลกลูโครส) และ ไฟเบอร์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือน้ำตาลที่สานตัวกันเป็นเส้นใย) ก็คือคาร์โบไฮเดรตอีกรูปแบบหนึ่ง น้อยสุดเป็นเนื้อสัตว์ ไข่ นมวัว (โปรตีน) และสุดทายที่ให้หลีกเลี่ยงคือไขมัน\n\nประเภทของอาหารที่ทาน\nแป้ง ข้าว ขนมปัง (คาร์โบไฮเดรต) - 41%\nผัก (คาร์โบไฮเดรต) - 19%\nผลไม้ (แร่ธาตุ, คาร์โบไฮเดรต) - 15%\nเนื้อสัตว์ ถั่ว (โปรตีน, ไขมัน) - 22%\nน้ำมัน (ไขมัน) - 4%\n\nเมื่อจำแนกเป็นประเภทของสารอาหารจะได้\nคาร์โบไฮเดรท \u003e น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว = 74%\nโปรตีน \u003e กรดอะมิโน = 22%\nไขมัน \u003e กรดไขมัน = 4%\n\nเราทานคาร์โบไฮเดรตสูงถึง 74% ต่อวัน เพียงเพื่อนำน้ำตาลโมเลกุลเดียว 5 กรัม ไปเป็นพลังงานสำหรับเซลล์ที่ใช้ไขมันเป็นพลังงานไม่ได้? แต่ไขมันและโปรตีนที่ร่างกายและเซลล์อื่นๆ ต้องการเป็นจำนวนมาก เรากลับรับประทานร่วมกันเพียงวันละ 26% ต่อวัน? ไม่คืกว่ามันย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ?\n\nและถ้าน้ำตาลส่วนเกินที่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จนหมด มันจะเกิดกระบวนการแปลงรูปจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไปเป็นกรดไขมันเพื่อเก็บสะสมไว้ที่ตับ และเมื่อเกิดกระบวนการนี้ซ้ำ ๆ จากการทานคาร์โบไฮเดรตเกินความต้องการ ตับที่ไม่มีพื้นที่เหลือพอสำหรับเก็บกักไขมัน ก็จะถูกนำไปสะสมไว้ที่อื่น เช่น ใต้ผิวหนัง พุง ขา แขน เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าโรคอ้วน และ ไขมันพอกตับ\n\nใครสักคน : \nจริงเหรอ? ตรวจสุขภาพหมอยังบอกเลยว่าอย่ากินเนื้อสัตว์เยอะ ไข่ก็ด้วยเพราะมันมีโคเลสเตอรอลสูง\n\nผม : \nอย่างที่บอกมันมีไม่เซลล์ไม่กี่ชนิดในร่างกายที่ใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน เพราะว่าเซลล์อื่น ๆ มันใช้พลังงานจากไขมันเป็นหลัก โคเลสเตอรอลที่บรรดาหมอสุขภาพบอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ การทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่ไก่ ไข่เป็ด เนื้อวัว ไขมันหมู นั้นเพิ่มความเสียงในการเกิดโรคหัวใจ แต่รู้หรือไม่ปริมาณโคเลสเตอรอลที่อยู่ในร่างกายเราประมาณกว่า 80% นั้นถูกผลิตมาจากตับที่เป็นอวัยวะภายในร่างกายของเรา และอีก 20% ที่เหลือนั้นมาจากการทานอาหาร\n\nใครสักคน : \nหืม~ จะใช่หรอ นี่ก็กินแต่แป้ง ไม่ได้แตะไขมันเลยก็ดูปกติไม่เห็นเป็นไรนะ\n\nผม :\nอ่า~ ใช่ ค่าผลเลือดที่ตรวจมาปกติตามค่ามาตรฐานเลยสินะ ;)\n\nใครสักคน : \nใช่.. นี่ว่าจะสั่งชานมไข่มุกอยู่อะ ค่ายังไม่เกิน Tolerance ยังกินได้อยู่.. ว่าแต่ เอาด้วยมั้ยอะ จะได้สั่งพร้อมกัน?\n\nผม : \nGGEZ\n\n#Siamstr\n#GGEZ\n\n",
"sig": "abac33cf3102fb54a4e0799fe061d59b7766f7c90f49aef0591d6206ff87c848fb96e37ced7951e68aa238d3daa6305de0a8a05642d66b51e0b66207b94aae9e"
}