📈 ปริมาณเงินในระบบ M2 ของธนาคารกลาง 4 แห่งใหญ่ของโลก
ได้แก่ สหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปี 2008
.
🪙 การเพิ่มขึ้นของอุปทานเงินอย่างมหาศาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
เป็นผลมาจากนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ
หรือ "Quantitative Easing (QE)" ที่ธนาคารกลางหลายแห่งนำมาใช้
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ
.
🖨 การทำ Quantitative Easing หรือ QE
จินตนาการง่ายๆว่าคุณเป็นธนาคารกลาง คุณมีเครื่องพิมพ์เงิน
คุณจึงพิมพ์เงินออกมาจำนวนมหาศาล แล้วนำเงินที่พิมพ์ใหม่นั้นไปซื้อพันธบัตรจากธนาคารพาณิชย์และนักลงทุน
เงินจำนวนมหาศาลก็จะไหลเวียนออกสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อขายนั้นเอง
.
💸 QE แม้จะช่วยแก้ปัญหาในระยะสั้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำได้
แต่สิ่งที่ตามคือปัญหาเงินเฟ้อในระยะยาว
เมื่อมีเงินหมุนเวียนในระบบมากเกินไป ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อำนาจซื้อของเงินลดลง
.
🤔 มีเงินหมุนเวียนในระบบมากเกินไป ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างไร?
ยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นภาพมากขึ้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน
มีผู้สนใจในสินค้า Art toy เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดนี้มีปริมาณเงินที่พร้อมจะเข้ามาซื้อมากขึ้น แต่สินค้า Art toy มีจำนวนจำกัด
ดังนั้น เมื่อมีคนต้องการสูงก็จะมีการกักตุนสินค้าเพื่อทำกำไร
และขายในราคาที่สูงขึ้นเพราะไม่ว่าจะขายเท่าไหร่ก็มีคนซื้อ
.
🥚 แต่ข้อแตกต่างระหว่าง Art toy กับ สินค้าในชีวิตประจำวัน คือ
Art toy ถ้าเรารู้สึกว่าราคาสูงไปไม่สมเหตุสมผล เราไม่ซื้อได้
แต่สินค้าในชีวิตประจำวันที่จำเป็นเช่น อาหาร
ถ้าเรารู้สึกว่าราคาสูงไป เราไม่ซื้อไม่ได้
เรามีทางเลือกแค่เพียง หาเงินให้มากขึ้น กินให้น้อย หรือเปลี่ยนไปกินของที่ห่วยกว่า
.
📊 ปริมาณเงินที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา มีประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจก็จริง
แต่เป็นเพียงการขับเคลื่อนในระยะสั้น ที่สร้างผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนคนทั่วไปอย่างเราๆมาโดยตลอด และ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
.
#siamstrupdate #Siamstr #bitcoin #บิตคอยน์ #การเงิน #เศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ