ราคาบ้านมันอยู่ในจุดที่คนส่วนใหญ่เกินจะเอื้อมถึงแล้ว
ทุกวันนี้มันไปกันใหญ่แล้ว การจะมีบ้านหลังน้อยๆ ซักหลังกลายเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ สำหรับคนวัย 30-40 ปี แบบผม ที่ควรจะมีบ้านเล็กๆ สักหลัง มีลูกอย่างน้อย 1 คน
แต่กลับไม่มีอะไรเลย...เข้าวัยกลางคนแล้วส่วนใหญ่ยังสร้างเนื้อสร้างตัวกันไม่ได้ จะเก็บเงินซื้อสดก็ไม่มีวันไล่ราคาบ้านทัน จะกู้ซื้อก็ต้องกัดฟันอยู่แบบอัตคัทขัดสนไปจนเกษียณ
ส่วนคนที่เก่งกว่าค่าเฉลี่ยของประชากร ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีรายได้สูงซึ่งมีสัดส่วนน้อยมาก ก็จะกว้านไล่ซื้อที่ดินมาถือครองให้มากที่สุด ซื้อแล้วก็ไม่ได้อยู่อาศัย บางคนแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไปทำไมกัน?
ใครหลายคนคงคิดว่ามันคือเรื่องปกติ เดี๋ยวนี้ราคาที่ดินมันก็แพงแบบนี้แหละ เพราะความเจริญมันเข้าถึง มูลค่ามันเลยเพิ่ม
แต่จริงๆ แล้วมันโคตรผิดปกติ ทุกคนกำลังซื้อมันในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงไปหลายเท่า เพราะมันกำลังถูกใช้งาน "ผิดประเภท" มันมีความต้องการแฝงจำนวนมหาศาลที่แอบซ่อนอยู่
ตอนนี้แทบไม่เหลือโอกาสให้เราซื้อของถูกหรือในราคาที่เหมาะสม เหมือนคนรุ่น Baby Boomers หรือ GenX เคยมี เพราะมันถูก "แย่ง" ซื้อจนผลักราคาไปไกล แม้ในพื้นที่ทุรกันดารมันก็ยังมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น
คงมีแค่ไม่ถึง 1% ของประชากรที่สามารถซื้อบ้านหรือที่ดินได้โดยไม่เป็นหนี้ ผู้คนทั่วไปทำงานทั้งชีวิตแต่สามารถซื้อที่ดินได้แค่แปลงเดียว และจะซื้อได้ด้วยการกู้เท่านั้น ซึ่งต้องผ่อนไปจนเกษียณ ได้เป็นเจ้าของบ้านจริงๆ แค่ไม่กี่ปีก็ตายห่าน
และมันยากขึ้นทุกวันๆ หลายคนก็ขยันทำมาหากิน ดิ้นรนทุกวิธีทางแล้วแต่มันไม่พอ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ผู้คนทำงานทั้งชีวิต ทั้งที่หน้าที่การงานรวมถึงรายได้ก็โอเค แต่ไม่มีปัญญาซื้อบ้านได้สักหลัง
ที่ดินมันแพงมหาโหดเพราะ demand ที่ควรจะมาจากแค่ 1 ความต้องการ มันกลับมาจากความต้องการถึง 3 ส่วน
1. เพื่อใช้ประโยชน์ เช่น อยู่อาศัย ทำธุรกิจ ทำเกษตร ทำนู่นนี่
2. เพื่อรักษามูลค่า (store of value) แทนเงินที่มันเสื่อมค่าตามกาลเวลา
3. เพื่อเก็งกำไร
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ตั้งต้นมาจากสาเหตุเดียว คือ เพราะเรามี "เงินมันเxี้ย" มันไม่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ ผู้คนจึงต้องหาอย่างอื่นมาเก็บรักษาความมั่งคั่งแทนเงิน ซึ่งอันดับ 1 หวยมันไปตกอยู่ที่ "ที่ดิน"
มันเก็บรักษามูลค่ามั่นคงที่สุด เสี่ยงน้อยที่สุด คงทนข้ามผ่านกาลเวลาและส่งต่อให้คนรุ่นหลังในครอบครัวได้ ถ้าไม่เกิดสงคราม หรือรัฐบาลเพี้ยนไล่ยึดที่ดินประชาชน ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ข้อ 2 กับ 3 นี่แหละคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้มันแพง คนร่ำรวยทุกคนไม่ได้ซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือใช้งาน
นึกๆ ไป คนในยุคหินอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่าเรา ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมาย บ้านก็ไปจองที่ว่างๆ ในถ้ำเอา เดือนๆ นึงทำงานไม่กี่วันพอ ไปล่าวัวแพะแกะกวางมาซักตัว แล้วตากแห้ง กินทั้งครอบครัวได้เป็นอาทิตย์ หมดแล้วก็ค่อยออกไปล่าใหม่ ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ฝ่ารถติดออกไปทำงานแทบทุกวัน ไม่เหลือเวลาให้ครอบครัว เพื่อแค่มีกินไปวันๆ และรู้ตัวอีกทีว่าสิ้นเดือนมันไม่พอแดก
เมื่อวันนึงโลกเรากลับมามี "เงินที่ดี" อีกครั้ง
demand ในส่วน store of value และ เก็งกำไร ก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนไม่จำเป็นต้องใช้ที่ดินทำหน้าที่เก็บรักษามูลค่าแทน "เงิน" ที่เสื่อมค่าลงทุกวัน
คนก็จะตัดสินใจซื้อเพื่อแค่อาศัยกันมากขึ้น ราคาที่ดินมันก็จะสมเหตุสมผลมากขึ้น ไม่เหมือนทุกวันนี้ที่คนแย่งซื้อกันเป็นบ้าเป็นบอ คนทั่วไปที่ต้องการแค่อยู่อาศัยก็ไม่มีกำลังพอจะไปแย่งด้วย
เรากำลังถูกบังคับให้ใช้ "เงินเฟียต" ที่ไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะเป็นเงิน มันคือตัวการที่นำพาความล่มสลายมาสู่อารยธรรมมนุษย์ในแทบทุกส่วน และที่ดินเป็นแค่เพียงตัวอย่างเดียว
Fix the money fix the world
#Siamstr