อีก 1 วันจะวิ่งฮาล์ฟ .. เอ้ย ฮาล์ฟวิ่ง แล้วนะฮับ
ฮาล์ฟวิ่ง หรือ ฮาล์ฟเวนนิ่ง คืออะไร?
ฮาล์ฟวิ่งคือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี หรือทุก ๆ 210,000 บล็อคที่บิตคอยน์จะลดอัตราการผลิตเหรียญใหม่ลงครึ่งหนึ่ง
บิตคอยน์ไม่มีผู้ควบคุม ไม่มีศูนย์กลางอำนาจ
แต่มีกฎที่ใช้ร่วมกัน
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของบิตคอยน์ไม่มีการบังคับ ใครจะทำตามหรือไม่ทำก็ได้ แต่ผู้ใดที่ไม่ทำตามกฎ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ และไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ ที่เคารพกฎอยู่ได้
ฮาล์ฟวิ่ง เป็นการลดอัตราการผลิตเหรียญใหม่ในส่วนของ Subsidy ลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งหากบิตคอยน์ดำเนินตามแผนการดั้งเดิมที่ประจักษ์อยู่ในโค้ด มันจะลดอัตราการผลิตเหรียญใหม่ลงไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ สี่ปี จนในที่สุดจะไม่สามารถมีการผลิตเหรียญใหม่ได้อีกเลยในปีค.ศ. 2140 ซึ่งถึงตอนนั้นจะมีบิตคอยน์ถูกผลิตออกมาประมาณ 21 ล้านบิตคอยน์เท่านั้น
นักขุด หรือผู้ทำหน้าที่เรียบเรียงและป้องกันการแก้ไขบัญชีธุรกรรมย้อนหลัง จะได้รับค่าตอบแทน (block reward) สองส่วนด้วยกัน ได้แก่ subsidy และ fee (block reward = subsidy + fee) เมื่อพิจารณาตามนี้จะเห็นได้ว่าบิตคอยน์ถูกออกแบบมาให้สามารถรักษาความมั่นคงของระบบได้ด้วย fee ที่ผู้ใช้งานเป็นผู้จ่ายให้กับผู้รักษาความมั่นคงของระบบโดยตรง ดังที่ Lord William Rees Mogg และ James Dale Davidson ได้กล่าวไว้ใน The Sovereign Individual ที่กล่าวถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบการเงิน 'ฟรี' ว่าระบบการเงินที่ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมเป็น 0 นั้น ไม่ได้แปลว่ามันฟรี แต่แปลว่าคุณกำลังจ่ายค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบการเงินนั้นโดยทางอ้อม กล่าวคือ คุณกำลังจ่ายมันผ่านเงินเฟ้อ ที่ค่อย ๆ ทำให้เงินที่เหลืออยู่ของคุณด้อยค่าลงทุกวินาทีที่คุณใช้ระบบการเงินดังกล่าว
โดยหนังสือได้กล่าวถึง Cybercash ที่ใช้ระบบการเข้ารหัสอสมมาตรและบัญชีกระจายศูนย์ในการป้องกันการปลอมแปลงเงิน ทำให้เกิดสกุลเงินไร้พรมแดนที่ปราศจากเงินเฟ้อ กล่าวคือ ไม่มีธนาคารหรือรัฐบาลใดจะสามารถเสกเงินขึ้นมาได้อีก
แต่ในระบบเงินดังกล่าว ผู้ใช้งานจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบโดยตรง ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม
"จุดจบของเงินเฟ้อจะลบล้างผลกำไรแฝงที่เงินเฟ้อมอบให้กับผู้ผูกขาดอำนาจในการผลิตเงิน และถ้าหากผลกำไรแฝงจากการผลิตเงินใหม่ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว กรรมวิธีในการทำธุรกรรมแบบใหม่ก็จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น เพื่อเป็นการจ่ายค่าตอบแทนเหล่าผู้ผลิตเงินโดยตรง การใช้ระบบการเงินใหม่นี้จึงน่าจะจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับการทำธุรกรรมโดยตรง โดยอาจเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมประมาณ 1 % ต่อปี ซึ่งจะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายกว่า 2.7% ต่อปีที่เราต้องจ่ายให้กับรัฐบาล 99% บนโลกผ่านเงินเฟ้อ"
ระบบบิตคอยน์จะอยู่รอดได้ ก็ต่อเมื่อมันสามารถยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างสวยสง่า กล่าวคือ เมื่อผู้ผลิตเงิน หรือนักขุด ได้รับค่าตอบแทนจากผู้ใช้งานในรูปของค่าการทำธุรกรรมในปริมาณที่มากพอ
จากสถิติสัดส่วนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่อ subsidy เราจะเห็นได้ว่าบิตคอยน์กำลังพัฒนาไปในทิศทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยจากสัดส่วนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า 0.5% ของ subsidy ในปี 2020 ได้ขยับขึ้นมาสูงถึง 10.66% ของ subsidy หรือประมาณ 0.7431 btc ต่อบล็อค โดยเฉลี่ยในปี 2024 ก่อนที่จะมีการลด subsidy ลงอีก 50% ในหนึ่งวันข้างหน้านี้
ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมบนระบบบิตคอยน์ในปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 0.00268% ของมูลค่าธุรกรรมโดยเฉลี่ย
ข้อมูลจาก bitinfocharts