miketoshi on Nostr: “รีวิวงาน Bitcoin Tokyo 2024 วันที่ 2 ...
“รีวิวงาน Bitcoin Tokyo 2024 วันที่ 2 ตอนจบ”
พอกลับมางานก็เข้าตลอด คิดซะว่าเป็นเรื่องดีๆที่ได้ทำงานที่มีคุณค่าละกัน กว่าจะเขียนตอนสองเสร็จก็เลยนานหน่อยครับ มาต่อกันเลย....
6️⃣ Bitcoin VC - หัวข้อนี้ตั้งคำถามให้กับผู้บรรยาย 3 ท่านว่าทำไมต้องสนับสนุน bitcoin startup ในเมื่อกลยุทธ์ buy-and-hold 💎 ก็ใช้ได้ดีมาก (ถ้าอยากได้เยอะขึ้นก็ leverage แบบที่ Microstrategy ทำ) ก็ได้คำตอบที่น่าสนใจว่า startup ส่วนใหญ่พยายามปฏิวัติเทคโนโลยีบางอย่าง แต่ Bitcoin เป็นการปฏิวัติมาตรฐานการเงินซึ่งมันใหญ่กว่ามาก ความเฉพาะตัวของ Bitcoin คือมันไม่สามารถออกโทเคนใหม่เพื่อการระดมทุนขยายกิจการเหมือนอย่างที่ altcoin ทำ 💩 แต่นั่นก็คือการต่อยอดอย่างแท้จริง ไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งที่ต้องออกโทเคน
เป้าหมายของการขยายธุรกิจ bitcoin ก็คือการทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถใช้มันได้ ไม่ว่าจะทำให้มันใช้ง่ายขึ้น หรือทำให้มันประยุกต์ใช้ได้หลากหลายเหมือนเครื่องมือทางการเงินในปัจจุบันเช่น options 📈 (เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินชนิดหนึ่ง)
7️⃣ Limitations and Challenges of Lightning - Michael ผู้บรรยาย (บริษัท Boltz ที่ทำ bitcoin bridge ไร้ศูนย์กลางเชื่อมระหว่าง L1 / Lightning / Liquid โดยใช้ Atomic swap) ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของ Lightning Network ⚡️มาเล่าให้ฟัง สถิติที่น่าสนใจ เช่น Lightning wallet ถึง 63% เป็นแบบ custodial ซึ่งรวมศูนย์ (เจ้าของแอพเป็นคนเก็บเงินให้), Wallet ยอดนิยมได้แก่ WoS / Alby / Blink
Michael แชร์ว่าการตั้ง Lightning node เป็นเรื่องท้าทายมาก มันเคยฮิตมากแล้วก็ค่อยๆหายไป จากประสบการณ์ node ที่ setup ง่ายมักจะเจอปัญหาทีหลัง เพราะไม่รู้รายละเอียดเบื้องหลังของ HW, OS และ service ที่ทำงานเลย (คุณตี๋ทีมรามสูรก็สะท้อนภาพเดียวกันนี้ใน TBC2024) และการทำธุรกิจรับดูแล bitcoin ให้คนอื่น (custodial) เป็นงานยากเพราะผิดพลาดแค่นิดเดียว อาจทำให้เงินหายทั้งหมดได้ 💥
สิ่งที่จะพัฒนา Lightning ให้ดีขึ้นได้อีกก็มีเรื่องของการลดขนาด database ที่เก็บประวัติธุรกรรม ซึ่งดูน้ำเสียงผู้บรรยายแล้วคงจะใหญ่มากจริงๆ อีกเรื่องคือ E-cash ที่น่าจะเพิ่ม privacy ให้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น และสุดท้าย Michael มองว่าในอีก 10 ปี แม้แต่ Lightning เองก็จะมีค่า fee แพงเกินไป 💸 และต้องการทางออกใหม่ๆ
8️⃣How not to lose your Bitcoin - เซสชั่นที่ Anant จาก Bithyve และ Igor จาก BlueWallet มาคุยกันถึงเรื่องการเก็บ Private Key (ทั้งสองคนทำแอพ Bitcoin wallet) ทั้งสองย้ำว่าเราไม่ได้กำลังจัดการกับกระเป๋าแบบในโลกจริง แต่เรากำลังจัดการกับ Key (เก็บ Key ยังไงให้ปลอดภัย) 🔐 กระเป๋าหลายใบอาจเชื่อมไปที่ Bitcoin address เดียวกันผ่าน Key แต่ต้องระวังเพราะ Key (Bitcoin) จะปลอดภัยเท่าๆกับ Wallet ที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น ⛓️💥 เนื้อหาหลักก็เป็นการพูดถึงการเลือก hot/cold wallet ด้วยเหตุผลอะไร และวิธีการเก็บ Seed ให้เหมาะสม (สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมจากคอร์สอาจารย์ขิง Right Shift เรื่อง Bitcoin Wallets ใน Skilllane ได้)
เร็วๆนี้มีข่าว supply chain attack กรณีที่อิสราเอลแอบแก้ไขอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งขายไปยังประเทศคู่อริและสั่งให้มันระเบิดได้ hardware wallet ก็มีความเสี่ยงทำนองนี้เช่นกัน ไม่ใช่ระเบิดแต่เป็นการแอบยุ่งกับ Key ของเรา 👀 การใช้ HW wallet ต่างยี่ห้อมาทำ multisig 2of3 ก็เป็นทางเลือกนึงในการเพิ่มความปลอดภัยให้ Key แต่ทั้งนี้ผู้บรรยายมองว่าความยุ่งยากในการจัดการ Key นี่เองคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้ามาถือ Bitcoin หากแก้ได้ คนก็จะเข้ามาถืออีกเยอะ 🤝
9️⃣Living as a FOSS developer - Calvin ผู้ที่ทำงานเป็น FOSS dev (Free and Open-Source Software) 👨💻 project ชื่อ Utreexo มาเล่าให้ฟังว่าหารายได้ยังชีพได้อย่างไร โดยที่ไม่ได้ทำงานเป็น developer มีสังกัด Calvin เขียน proposal ขอทุนจากบริษัทหรือหน่วยงานที่ส่งเสริมเกี่ยวกับ bitcoin หรือต่อต้านอำนาจเผด็จการ เขาเคยได้ทุนจาก BitMEX, HRF, และล่าสุดที่ OpenSats
Calvin แชร์ว่ามีหน่วยงานไหนบ้างที่สามารถขอทุนได้ แต่ละทุนมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน นั่นทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยน proposal ทุกครั้งที่ส่งไปที่ผู้ให้ทุนแต่ละราย และนั่นก็น่าจะเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถหาทุนมาสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้เรื่อยมา ผู้ให้ทุนอย่าง OpenSats ย้ำว่าผู้ขอต้องแสดง PoW (Proof of Work) ออกมาให้เห็น 🏋️ ก็คือมีผลงานเก่ามาโชว์นั่นเอง
🔟Stable coins on Bitcoin - Federico จาก Bitfinex มาเล่าให้ฟังเรื่อง RGB บน layer 2 ที่จะช่วยในการออก digital asset อยู่บน Bitcoin blockchain อีกที และมันอาจจะทำงานร่วมกับ Lightning ได้ โดย assets ที่สร้างจาก RGB สามารถเทรดได้บน Lightning รายละเอียดเชิงเทคนิคลึกกว่านี้เล่าไม่ถูกละครับ
1️⃣1️⃣ Bitcoin is a mean of exchange - Daniel ผู้พัฒนา WoS มาเล่าเหตุผลเบื้องหลังสุดมันส์ ซึ่งมาจากความเชื่อว่า Bitcoin เร็วและมีความน่าเชื่อถือสูง สามารถทำหน้าที่ชำระเงินในชีวิตประจำวันได้ (อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางแห่งสารขัณฑ์เชียวนะ 🤫) เริ่มจากแอพจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วย BTC “Living room of Satoshi” ในปี 2014
หลังจากประสบความสำเร็จเขาก็หาโจทย์ที่ยากขึ้น ในปี 2016 เขาพัฒนาระบบซื้อกาแฟด้วย BTC และนั่นทำให้เขาพบข้อจำกัดว่า on-chain transaction ⛓️ นานเกินไปแม้ว่าจะใช้การรอ confirmation เดียว แถมความเสี่ยงที่ transaction จะ invalid ไปตกอยู่กับผู้ขายแทน ซึ่งปัญหาจะรุนแรงขึ้นเมื่อใช้งานในวงกว้างกว่านี้ จึงไม่สามารถใช้งานในการจ่ายเงินข้ามโลกได้ แล้วในปี 2018 Daniel ก็ได้คำตอบนั่นคือ Lightning network เขารู้ทันทีว่ามันต้องการ wallet สำหรับผู้ใช้ และ WoS ก็ถือกำเนิดขึ้น กลุ่มเป้าหมายของ Daniel คือร้านค้าตามสนามบิน 🛫 เพื่อพิสูจน์ว่าการจ่ายเงินข้ามโลกด้วย BTC เป็นเรื่องง่าย แต่แผนก็ต้องมาสะดุดเมื่อปลายปี 2019 โควิดทำให้สนามบินเงียบเหงา
ปี 2022 หลังโควิดผ่านไป การเผยแพร่ WoS ยังดำเนินต่อไป และแอพ wallet สำหรับร้านค้า WoS POS (Point of Sales) ก็ตามมา 👜 เขาได้ผสานระบบเข้ากับ Square POS ซึ่ง Daniel บอกว่าโชคดีมากๆที่มันเป็นบริษัทของ Jack Dorsey ซึ่งอินกับ BTC เช่นกัน (Square หรือ Block คือบริษัทที่ทำเรื่อง portable POS solution) เป้าหมายของ Daniel คือการเผยแพร่ WoS ออกไปให้เร็วและมากที่สุด โดยที่หวังว่า BTC จะกลายเป็น mean of payment ที่คนทั่วโลกต้องการใช้ และช่วยกันปกป้องมันจากการถูกแบนโดยรัฐบาล⁉️ (So cool, bro!!)
ใครจะว่า Satoshi คิดแต่เรื่อง Store of Value ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น Mean of Payment แต่ Daniel เห็นต่าง เขาโชว์โพสต์ของ Satoshi ตอนปี 2010 ที่คุยเรื่องตู้ vending ที่รับ BTC และเป็นโพสต์ที่เกิดประโยคในตำนานว่า “If you don't get it, I don't have time to convince you, sorry”
🎬 เป็นอันจบไปสำหรับเนื้อหาวันที่สอง และพิธีกล่าวปิดสั้นๆ โดยคุณ Teruko จาก Fulgur Ventures หนึ่งในผู้จัดงานครั้งนี้ และยังเป็นผู้แปลหนังสือ Bitcoin Standard เป็นภาษาญี่ปุ่น
หลังปิดงานก็มีการประมูลเม็ดกาแฟ Bean of Fire จาก El Salvador ใบ้ให้นิดๆ ว่ากระป๋องที่มีลายเซ็น Shadowy Coders 👤 (เช่น Adam Back) อาจจะได้มาให้เพื่อนชาวไทยเราได้ยลโฉมกันนะ 🏰
สรุปความรู้สึกที่ได้ฟังสองวัน แล้วกลับมาไทยก็มีเวลาคิดเรื่องนี้ระหว่างที่ทำสรุปไปด้วย หลักๆแล้วหัวข้อที่พูดจะเกี่ยวกับสองเรื่องหลักคือ adoption กับพัฒนาการทางเทคโนโลยีของ bitcoin แม้แต่ Japanese track 🇯🇵 เท่าที่กวาดตาดูหัวข้อก็อยู่ในธีมเดียวกัน ถ้าเทียบแล้วคงประมาณห้อง advanced stage ของงาน TBC2024 ซึ่งงานที่ไทยเวที main stage ผมว่ามีความหลากหลายมากกว่านะ 🥳 ขณะที่งาน Bitcoin Tokyo 2024 ก็ทำได้ดีในแง่ของความล้ำหน้าของหัวข้อด้านเทคนิคและผู้บรรยาย (เริ่มแอบรู้สึกว่าที่ไทยก็มี dev เก่งๆ แฝงตัวอยู่แต่ไม่ค่อยออกสื่อ)
ที่อดตื่นเต้นไม่ได้คือถึงจะไม่รู้เนื้อหาเทคนิคลึกๆ แต่เราก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้เพราะได้ยินเรื่องราวมาจากไลฟ์ของอ.ตั๊มมาแล้ว ทำให้เข้าใจเลยว่าอาจารย์คงติดตาม bitcoiner เหล่านี้และศึกษาเองมาเยอะ ก่อนที่จะตกผลึกนำมาสรุปเล่าให้พวกเราฟังเป็นภาษาไทย คนไทยโชคดีมากๆครับ ที่มีโอกาสเข้าถึงเรื่องสำคัญขนาดนี้แบบไม่ต้องลงทุนลงแรงเยอะ 🇹🇭
พอได้มาเจอและได้ฟังจาก bitcoiner เจ้าของผลงานเอง ทำให้เข้าใจเลยว่าเรารู้แค่ผิวๆ เอง การที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ต่อได้ ต้องทำการบ้านเยอะกว่านี้ การมีข้อมูลแค่เพียงฟังจากไลฟ์ที่สรุปมาแล้ว มันพอแค่ทำให้เราเข้าใจคนเดียว แต่ใช่ว่ารู้แล้วจะสามารถถ่ายทอดต่อได้ 📡 ถ้าอยากจะเผยแผ่เรื่องราวความก้าวหน้าของ bitcoin ก็คงมีอะไรที่ต้องศึกษาอีกเยอะ (แต่ถ้าด้านปรัชญาของ bitcoin อันนี้ทุกคนสามารถเอาประสบการณ์ชีวิตของตัวเองไปประยุกต์เพื่อถ่ายทอดต่อได้นะ นั่นเป็นจุดเด่นของคอมมูบิตคอยเนอร์ไทยเลย) 📚
ความรู้สึกส่วนตัวเวลาไปงาน TBC2024 เหมือนได้เห็นภาพจำลองโลกอนาคตที่เป็น Bitcoin Standard แล้ว 🏆 ทุกคนสามารถมีชีวิตในแบบของตัวเองเพื่อสร้างคุณค่าให้กับคนรอบตัวโดยไม่ต้องมากังวลเรื่องการลงทุน ส่วนที่งาน Bitcoin Tokyo 2024 เป็นการพูดถึงเทคโนโลยีที่จะมาพัฒนา Bitcoin ไปให้ถึงจุดที่คนทั่วโลกจะยอมรับและเอา Bitcoin ไปใช้เป็น standard ได้จริง มันมาเชื่อมกันตรงนี้ว่า งานหนึ่งให้ภาพอนาคตที่เราอยากเห็น และอีกงานนึงให้ภาพเครื่องมือและการขับเคลื่อนที่จะพาให้เราไปถึงจุดหมายที่วาดไว้ 🎯
หลังจบทั้งสองงาน สิ่งที่ตกผลึกเป็นเป้าหมายสำหรับตัวเองแล้วก็คือ 🧊 จะไล่ตามศึกษาเรื่อง privacy technology ทั้งหลายโดยเฉพาะ layer 2 และ 3 ให้รู้มากพอที่จะถ่ายทอดได้ เพราะสิ่งที่สะดุดใจผมที่สุดในบรรดาเรื่องราวทั้งหลายของ Bitcoin ก็คือเรื่อง privacy นั่นเอง 🥷
#siamstr #bitcointokyo2024 #tbc2024
Published at
2024-09-27 11:34:17Event JSON
{
"id": "00288ffcd0547afb15d297898df53ea7d643b27b539ffb723fd5974f2f851a40",
"pubkey": "22832224376ee768434c7bae3321aa5ad29d4063eca550b1ea8ceab574f3e1d1",
"created_at": 1727436857,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
],
[
"t",
"bitcointokyo2024"
],
[
"t",
"tbc2024"
],
[
"nonce",
"66",
"8"
]
],
"content": "“รีวิวงาน Bitcoin Tokyo 2024 วันที่ 2 ตอนจบ”\n\nพอกลับมางานก็เข้าตลอด คิดซะว่าเป็นเรื่องดีๆที่ได้ทำงานที่มีคุณค่าละกัน กว่าจะเขียนตอนสองเสร็จก็เลยนานหน่อยครับ มาต่อกันเลย....\n\n6️⃣ Bitcoin VC - หัวข้อนี้ตั้งคำถามให้กับผู้บรรยาย 3 ท่านว่าทำไมต้องสนับสนุน bitcoin startup ในเมื่อกลยุทธ์ buy-and-hold 💎 ก็ใช้ได้ดีมาก (ถ้าอยากได้เยอะขึ้นก็ leverage แบบที่ Microstrategy ทำ) ก็ได้คำตอบที่น่าสนใจว่า startup ส่วนใหญ่พยายามปฏิวัติเทคโนโลยีบางอย่าง แต่ Bitcoin เป็นการปฏิวัติมาตรฐานการเงินซึ่งมันใหญ่กว่ามาก ความเฉพาะตัวของ Bitcoin คือมันไม่สามารถออกโทเคนใหม่เพื่อการระดมทุนขยายกิจการเหมือนอย่างที่ altcoin ทำ 💩 แต่นั่นก็คือการต่อยอดอย่างแท้จริง ไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งที่ต้องออกโทเคน \n\nเป้าหมายของการขยายธุรกิจ bitcoin ก็คือการทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถใช้มันได้ ไม่ว่าจะทำให้มันใช้ง่ายขึ้น หรือทำให้มันประยุกต์ใช้ได้หลากหลายเหมือนเครื่องมือทางการเงินในปัจจุบันเช่น options 📈 (เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินชนิดหนึ่ง)\n\n7️⃣ Limitations and Challenges of Lightning - Michael ผู้บรรยาย (บริษัท Boltz ที่ทำ bitcoin bridge ไร้ศูนย์กลางเชื่อมระหว่าง L1 / Lightning / Liquid โดยใช้ Atomic swap) ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของ Lightning Network ⚡️มาเล่าให้ฟัง สถิติที่น่าสนใจ เช่น Lightning wallet ถึง 63% เป็นแบบ custodial ซึ่งรวมศูนย์ (เจ้าของแอพเป็นคนเก็บเงินให้), Wallet ยอดนิยมได้แก่ WoS / Alby / Blink\n\nMichael แชร์ว่าการตั้ง Lightning node เป็นเรื่องท้าทายมาก มันเคยฮิตมากแล้วก็ค่อยๆหายไป จากประสบการณ์ node ที่ setup ง่ายมักจะเจอปัญหาทีหลัง เพราะไม่รู้รายละเอียดเบื้องหลังของ HW, OS และ service ที่ทำงานเลย (คุณตี๋ทีมรามสูรก็สะท้อนภาพเดียวกันนี้ใน TBC2024) และการทำธุรกิจรับดูแล bitcoin ให้คนอื่น (custodial) เป็นงานยากเพราะผิดพลาดแค่นิดเดียว อาจทำให้เงินหายทั้งหมดได้ 💥\n\nสิ่งที่จะพัฒนา Lightning ให้ดีขึ้นได้อีกก็มีเรื่องของการลดขนาด database ที่เก็บประวัติธุรกรรม ซึ่งดูน้ำเสียงผู้บรรยายแล้วคงจะใหญ่มากจริงๆ อีกเรื่องคือ E-cash ที่น่าจะเพิ่ม privacy ให้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น และสุดท้าย Michael มองว่าในอีก 10 ปี แม้แต่ Lightning เองก็จะมีค่า fee แพงเกินไป 💸 และต้องการทางออกใหม่ๆ\n\n8️⃣How not to lose your Bitcoin - เซสชั่นที่ Anant จาก Bithyve และ Igor จาก BlueWallet มาคุยกันถึงเรื่องการเก็บ Private Key (ทั้งสองคนทำแอพ Bitcoin wallet) ทั้งสองย้ำว่าเราไม่ได้กำลังจัดการกับกระเป๋าแบบในโลกจริง แต่เรากำลังจัดการกับ Key (เก็บ Key ยังไงให้ปลอดภัย) 🔐 กระเป๋าหลายใบอาจเชื่อมไปที่ Bitcoin address เดียวกันผ่าน Key แต่ต้องระวังเพราะ Key (Bitcoin) จะปลอดภัยเท่าๆกับ Wallet ที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น ⛓️💥 เนื้อหาหลักก็เป็นการพูดถึงการเลือก hot/cold wallet ด้วยเหตุผลอะไร และวิธีการเก็บ Seed ให้เหมาะสม (สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมจากคอร์สอาจารย์ขิง Right Shift เรื่อง Bitcoin Wallets ใน Skilllane ได้) \n\nเร็วๆนี้มีข่าว supply chain attack กรณีที่อิสราเอลแอบแก้ไขอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งขายไปยังประเทศคู่อริและสั่งให้มันระเบิดได้ hardware wallet ก็มีความเสี่ยงทำนองนี้เช่นกัน ไม่ใช่ระเบิดแต่เป็นการแอบยุ่งกับ Key ของเรา 👀 การใช้ HW wallet ต่างยี่ห้อมาทำ multisig 2of3 ก็เป็นทางเลือกนึงในการเพิ่มความปลอดภัยให้ Key แต่ทั้งนี้ผู้บรรยายมองว่าความยุ่งยากในการจัดการ Key นี่เองคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้ามาถือ Bitcoin หากแก้ได้ คนก็จะเข้ามาถืออีกเยอะ 🤝\n\n9️⃣Living as a FOSS developer - Calvin ผู้ที่ทำงานเป็น FOSS dev (Free and Open-Source Software) 👨💻 project ชื่อ Utreexo มาเล่าให้ฟังว่าหารายได้ยังชีพได้อย่างไร โดยที่ไม่ได้ทำงานเป็น developer มีสังกัด Calvin เขียน proposal ขอทุนจากบริษัทหรือหน่วยงานที่ส่งเสริมเกี่ยวกับ bitcoin หรือต่อต้านอำนาจเผด็จการ เขาเคยได้ทุนจาก BitMEX, HRF, และล่าสุดที่ OpenSats \n\n\nCalvin แชร์ว่ามีหน่วยงานไหนบ้างที่สามารถขอทุนได้ แต่ละทุนมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน นั่นทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยน proposal ทุกครั้งที่ส่งไปที่ผู้ให้ทุนแต่ละราย และนั่นก็น่าจะเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถหาทุนมาสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้เรื่อยมา ผู้ให้ทุนอย่าง OpenSats ย้ำว่าผู้ขอต้องแสดง PoW (Proof of Work) ออกมาให้เห็น 🏋️ ก็คือมีผลงานเก่ามาโชว์นั่นเอง\n \n🔟Stable coins on Bitcoin - Federico จาก Bitfinex มาเล่าให้ฟังเรื่อง RGB บน layer 2 ที่จะช่วยในการออก digital asset อยู่บน Bitcoin blockchain อีกที และมันอาจจะทำงานร่วมกับ Lightning ได้ โดย assets ที่สร้างจาก RGB สามารถเทรดได้บน Lightning รายละเอียดเชิงเทคนิคลึกกว่านี้เล่าไม่ถูกละครับ \n\n1️⃣1️⃣ Bitcoin is a mean of exchange - Daniel ผู้พัฒนา WoS มาเล่าเหตุผลเบื้องหลังสุดมันส์ ซึ่งมาจากความเชื่อว่า Bitcoin เร็วและมีความน่าเชื่อถือสูง สามารถทำหน้าที่ชำระเงินในชีวิตประจำวันได้ (อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางแห่งสารขัณฑ์เชียวนะ 🤫) เริ่มจากแอพจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วย BTC “Living room of Satoshi” ในปี 2014 \n\nหลังจากประสบความสำเร็จเขาก็หาโจทย์ที่ยากขึ้น ในปี 2016 เขาพัฒนาระบบซื้อกาแฟด้วย BTC และนั่นทำให้เขาพบข้อจำกัดว่า on-chain transaction ⛓️ นานเกินไปแม้ว่าจะใช้การรอ confirmation เดียว แถมความเสี่ยงที่ transaction จะ invalid ไปตกอยู่กับผู้ขายแทน ซึ่งปัญหาจะรุนแรงขึ้นเมื่อใช้งานในวงกว้างกว่านี้ จึงไม่สามารถใช้งานในการจ่ายเงินข้ามโลกได้ แล้วในปี 2018 Daniel ก็ได้คำตอบนั่นคือ Lightning network เขารู้ทันทีว่ามันต้องการ wallet สำหรับผู้ใช้ และ WoS ก็ถือกำเนิดขึ้น กลุ่มเป้าหมายของ Daniel คือร้านค้าตามสนามบิน 🛫 เพื่อพิสูจน์ว่าการจ่ายเงินข้ามโลกด้วย BTC เป็นเรื่องง่าย แต่แผนก็ต้องมาสะดุดเมื่อปลายปี 2019 โควิดทำให้สนามบินเงียบเหงา \n\nปี 2022 หลังโควิดผ่านไป การเผยแพร่ WoS ยังดำเนินต่อไป และแอพ wallet สำหรับร้านค้า WoS POS (Point of Sales) ก็ตามมา 👜 เขาได้ผสานระบบเข้ากับ Square POS ซึ่ง Daniel บอกว่าโชคดีมากๆที่มันเป็นบริษัทของ Jack Dorsey ซึ่งอินกับ BTC เช่นกัน (Square หรือ Block คือบริษัทที่ทำเรื่อง portable POS solution) เป้าหมายของ Daniel คือการเผยแพร่ WoS ออกไปให้เร็วและมากที่สุด โดยที่หวังว่า BTC จะกลายเป็น mean of payment ที่คนทั่วโลกต้องการใช้ และช่วยกันปกป้องมันจากการถูกแบนโดยรัฐบาล⁉️ (So cool, bro!!)\n\nใครจะว่า Satoshi คิดแต่เรื่อง Store of Value ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น Mean of Payment แต่ Daniel เห็นต่าง เขาโชว์โพสต์ของ Satoshi ตอนปี 2010 ที่คุยเรื่องตู้ vending ที่รับ BTC และเป็นโพสต์ที่เกิดประโยคในตำนานว่า “If you don't get it, I don't have time to convince you, sorry”\n\n\n\n🎬 เป็นอันจบไปสำหรับเนื้อหาวันที่สอง และพิธีกล่าวปิดสั้นๆ โดยคุณ Teruko จาก Fulgur Ventures หนึ่งในผู้จัดงานครั้งนี้ และยังเป็นผู้แปลหนังสือ Bitcoin Standard เป็นภาษาญี่ปุ่น\n\nหลังปิดงานก็มีการประมูลเม็ดกาแฟ Bean of Fire จาก El Salvador ใบ้ให้นิดๆ ว่ากระป๋องที่มีลายเซ็น Shadowy Coders 👤 (เช่น Adam Back) อาจจะได้มาให้เพื่อนชาวไทยเราได้ยลโฉมกันนะ 🏰\n\nสรุปความรู้สึกที่ได้ฟังสองวัน แล้วกลับมาไทยก็มีเวลาคิดเรื่องนี้ระหว่างที่ทำสรุปไปด้วย หลักๆแล้วหัวข้อที่พูดจะเกี่ยวกับสองเรื่องหลักคือ adoption กับพัฒนาการทางเทคโนโลยีของ bitcoin แม้แต่ Japanese track 🇯🇵 เท่าที่กวาดตาดูหัวข้อก็อยู่ในธีมเดียวกัน ถ้าเทียบแล้วคงประมาณห้อง advanced stage ของงาน TBC2024 ซึ่งงานที่ไทยเวที main stage ผมว่ามีความหลากหลายมากกว่านะ 🥳 ขณะที่งาน Bitcoin Tokyo 2024 ก็ทำได้ดีในแง่ของความล้ำหน้าของหัวข้อด้านเทคนิคและผู้บรรยาย (เริ่มแอบรู้สึกว่าที่ไทยก็มี dev เก่งๆ แฝงตัวอยู่แต่ไม่ค่อยออกสื่อ)\n\nที่อดตื่นเต้นไม่ได้คือถึงจะไม่รู้เนื้อหาเทคนิคลึกๆ แต่เราก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้เพราะได้ยินเรื่องราวมาจากไลฟ์ของอ.ตั๊มมาแล้ว ทำให้เข้าใจเลยว่าอาจารย์คงติดตาม bitcoiner เหล่านี้และศึกษาเองมาเยอะ ก่อนที่จะตกผลึกนำมาสรุปเล่าให้พวกเราฟังเป็นภาษาไทย คนไทยโชคดีมากๆครับ ที่มีโอกาสเข้าถึงเรื่องสำคัญขนาดนี้แบบไม่ต้องลงทุนลงแรงเยอะ 🇹🇭\n\nพอได้มาเจอและได้ฟังจาก bitcoiner เจ้าของผลงานเอง ทำให้เข้าใจเลยว่าเรารู้แค่ผิวๆ เอง การที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ต่อได้ ต้องทำการบ้านเยอะกว่านี้ การมีข้อมูลแค่เพียงฟังจากไลฟ์ที่สรุปมาแล้ว มันพอแค่ทำให้เราเข้าใจคนเดียว แต่ใช่ว่ารู้แล้วจะสามารถถ่ายทอดต่อได้ 📡 ถ้าอยากจะเผยแผ่เรื่องราวความก้าวหน้าของ bitcoin ก็คงมีอะไรที่ต้องศึกษาอีกเยอะ (แต่ถ้าด้านปรัชญาของ bitcoin อันนี้ทุกคนสามารถเอาประสบการณ์ชีวิตของตัวเองไปประยุกต์เพื่อถ่ายทอดต่อได้นะ นั่นเป็นจุดเด่นของคอมมูบิตคอยเนอร์ไทยเลย) 📚\n\nความรู้สึกส่วนตัวเวลาไปงาน TBC2024 เหมือนได้เห็นภาพจำลองโลกอนาคตที่เป็น Bitcoin Standard แล้ว 🏆 ทุกคนสามารถมีชีวิตในแบบของตัวเองเพื่อสร้างคุณค่าให้กับคนรอบตัวโดยไม่ต้องมากังวลเรื่องการลงทุน ส่วนที่งาน Bitcoin Tokyo 2024 เป็นการพูดถึงเทคโนโลยีที่จะมาพัฒนา Bitcoin ไปให้ถึงจุดที่คนทั่วโลกจะยอมรับและเอา Bitcoin ไปใช้เป็น standard ได้จริง มันมาเชื่อมกันตรงนี้ว่า งานหนึ่งให้ภาพอนาคตที่เราอยากเห็น และอีกงานนึงให้ภาพเครื่องมือและการขับเคลื่อนที่จะพาให้เราไปถึงจุดหมายที่วาดไว้ 🎯\n\nหลังจบทั้งสองงาน สิ่งที่ตกผลึกเป็นเป้าหมายสำหรับตัวเองแล้วก็คือ 🧊 จะไล่ตามศึกษาเรื่อง privacy technology ทั้งหลายโดยเฉพาะ layer 2 และ 3 ให้รู้มากพอที่จะถ่ายทอดได้ เพราะสิ่งที่สะดุดใจผมที่สุดในบรรดาเรื่องราวทั้งหลายของ Bitcoin ก็คือเรื่อง privacy นั่นเอง 🥷\n\n\n#siamstr #bitcointokyo2024 #tbc2024",
"sig": "2210e7cde43454d7af19563128b3a409d0aa1003ae65550b1508ae3708aca51e2d382e73fdd74decd7c3ade88320717cad6136a106c36f33068075bd22560670"
}