สรุปเนื้อหา Episode #200 จาก #BitcoinTalk
ที่มา https://www.youtube.com/live/hPsqDTlpBAk?si=Hlu7XbUyG-wlsYnC
1️⃣ พัฒนาการของ “เงิน” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
⚱️ยุคทองคำค้ำประกัน (Gold/Silver Standard)
- หลายประเทศเคยใช้ทองคำหรือเงิน (โลหะมีค่า) เป็นตัวค้ำประกันเงินกระดาษ
- ไทยเองก็เคยใช้ “มาตรฐานเงิน” มาก่อน แล้วจึงเปลี่ยนสู่ “มาตรฐานทองคำ” ตามประเทศตะวันตก
🪙 การเลิกผูกค่าเงินกับทองคำ
- เกิดจากรัฐบาลพิมพ์เงินเกินกว่าทองคำที่สำรองไว้ (ช่วงสงคราม เศรษฐกิจ)
- ปี ค.ศ.1971 สหรัฐฯ ประกาศ “Nixon Shock” ตัดขาดดอลลาร์จากทองคำอย่างเด็ดขาด
- นับแต่นั้นมา เงินกระดาษ (Fiat Money) จึงไม่มีทองคำค้ำจริงอีกต่อไป
- ผลกระทบ “เงินเฟ้อ” ในระบบ Fiat
- รัฐสามารถพิมพ์เงินใหม่เข้าระบบได้เรื่อย ๆ
- ประชาชนถูกกัดกินกำลังซื้อ เมื่อค่าของเงินในมือเสื่อมลง (ราคาสินค้าดูเหมือนแพงขึ้น)
- ตัวเลขเงินเฟ้อทางการ (เช่น 2% ต่อปี) มักไม่ตรงกับสภาพจริง เพราะตะกร้าสินค้า (CPI) ถูกปรับเปลี่ยนและควบคุมให้ตัวเลขออกมา “สวย”
- เงินเฟ้อ = ภาษีแฝงรูปแบบหนึ่ง คนออมเงินพบว่ามูลค่าที่เก็บมาตลอด “หาย” ทุกปี
2️⃣ Bitcoin คืออะไร และสำคัญอย่างไร
- จุดเริ่มต้น
- “Bitcoin”ปรากฏในเอกสาร White Paper ปี ค.ศ.2008 โดย Satoshi Nakamoto
- อธิบายว่าเป็น “Peer-to-Peer Electronic Cash System” (เงินสดดิจิทัลแบบไม่ง้อคนกลาง)
- คุณสมบัติเด่น
- จำกัดที่ 21 ล้าน BTC: ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่สิ้นสุดแบบเงินกระดาษ
- กระจายศูนย์ (Decentralized): ไม่มีธนาคารกลางหรือผู้ควบคุมคนเดียว ข้อมูลบันทึกบน “Blockchain” ที่ Node ทั่วโลกช่วยกันตรวจสอบ
- ตรวจสอบการโกงได้ยาก: ทุกธุรกรรมยืนยันในเครือข่ายแบบเปิด โปร่งใส และแก้ยาก
- ส่ง-รับเงินได้โดยตรง (P2P): เลี่ยงตัวกลางรัฐ/ธนาคาร ทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้ทันที
- Bitcoin กับเงินเฟ้อ
- ด้วยจำนวนจำกัด บวกกับต้องใช้พลังงานในการขุด (Mining) จริง ๆ ทำให้ “เสกเหรียญใหม่” ไม่ได้ตามใจ ส่งผลให้ยากต่อการเกิดเงินเฟ้อ
-มองได้ว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” หรือ “Sound Money” ทางเลือก
3️⃣ ระบบ Fiat ในปัจจุบัน VS การกำเนิดเงินดิจิทัลไร้ตัวกลาง
- พิมพ์เงินง่าย VS สร้างได้จำกัด
- ระบบ Fiat: รัฐบาลธนาคารกลางพิมพ์ได้ และใช้มาตรการดอกเบี้ยกระตุ้นหรือตรึงเศรษฐกิจ
- Bitcoin: มีระบบ “Halving” ลดเหรียญใหม่ลงทุก ๆ ประมาณ 4 ปี จนถึง 21 ล้าน BTC
- Invisible Fees (เงินเฟ้อ) VS ค่าโอนชัดเจน
- Fiat: ประชาชนเสียภาษีและโดนเงินเฟ้อกัดกินกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง (มองไม่เห็นตรง ๆ)
- Bitcoin: โอนหรือทำธุรกรรมจะต้องมี “Transaction Fee” จ่ายให้เครือข่าย ยิ่งเน็ตเวิร์กว่าง ค่าธรรมเนียมยิ่งถูก แต่ทุกอย่างโปร่งใส
- ควบคุมประชาชน VS ปลดล็อกอิสรภาพการเงิน
- ใน Fiat บางประเทศออกกฎเข้มงวด คว่ำบาตร หรือบล็อกบัญชีได้ง่าย
- ใน Bitcoin ยังโอนระหว่างกระเป๋า (wallet) ได้เสมอ แม้รัฐไม่ชอบ แต่ก็ยากจะเซ็นเซอร์
4️⃣ ประเด็น “แบน P2P” และแนวทางควบคุม
- การห้ามตลาดซื้อขาย P2P
- มีความพยายามจากบางประเทศ/บางธนาคาร ในการปิดกั้นช่องทางซื้อขายคริปโตแบบ P2P
- ใช้เหตุผลเรื่อง “ป้องกันมิจฉาชีพ ฟอกเงิน” หรือปัญหาบัญชีม้า
-ผลลัพธ์
- เมื่อปิดแพลตฟอร์มที่เป็นทางการ (ที่ “เห็นแสง”) อาจผลักให้การซื้อขาย/โอนย้ายไปสู่ตลาดมืด (ที่รัฐยิ่งตรวจจับยาก)
- Bitcoin เองทำงานแบบกระจายศูนย์ ไม่ว่าจะห้ามอย่างไร ตัวระบบก็ไม่หยุดโอน
5️⃣ ทำไม Bitcoin ถูกมองว่าเป็น “เงินทางเลือก” ที่น่าสนใจ
- ไม่มีใครพิมพ์เพิ่มได้ตามใจ
- ต่างจาก Fiat ที่พิมพ์เพิ่มและยืดหนี้ได้ตลอดเวลา
- Bitcoin มีเป้าหมายสูงสุด 21 ล้าน ส่งผลให้ใครที่เก็บ BTC ระยะยาวมองว่าเหรียญมีโอกาสคงมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าในอนาคต
- เหมาะกับเป็นที่เก็บรักษามูลค่า (Store of Value)
- ในสภาพเศรษฐกิจที่ต้องเจอกับเงินเฟ้อซ้ำซ้อน ผู้คนจึงมองว่า BTC อาจช่วยป้องกันมูลค่าลดลงที่เกิดจากการพิมพ์เงิน
- มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
- แม้ธุรกรรมจะเปิดให้ตรวจสอบ แต่หากจัดการกระเป๋า (Address) หลายชั้น ก็ยากที่ใครจะรู้อย่างละเอียด นอกเสียจากมีอำนาจรัฐเต็มรูปแบบมาตามสืบ
- ใช้งานข้ามพรมแดน ไม่ต้องผ่านตัวกลางรัฐ
- ส่งผลดีต่อการทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่ธนาคารอาจปิดกั้น หรือมีค่าธรรมเนียมสูง
6️⃣ บทสรุปท้าย: มุมมองและข้อคิด
- Bitcoin ชี้ให้เห็นความบกพร่องของเงินกระดาษ
- ระบบเก่าปล่อยให้กลุ่มคนใกล้ชิดอำนาจพิมพ์เงินและกระจายให้ใครก่อนก็ได้
- ประชาชนโดยทั่วไปก็ต้องเสียเปรียบเพราะถือเงินที่มูลค่าลดลงอยู่เสมอ
- การกระจายศูนย์ = โอกาสต่อรองของประชาชน
- อำนาจเปลี่ยนมือจากรัฐบาลสู่เครือข่ายและผู้ใช้งาน
- ในโลกที่ถูกตรวจสอบและเฟ้อเงินสูง การมีเงินทางเลือกแบบ “ไร้ตัวกลาง” จึงสำคัญ
- ข้อถกเถียงและแรงต้านจากรัฐ
- การแบนหรือควบคุม P2P อาจเกิดขึ้นมากขึ้น เพื่อรักษาระบบการเงินเฟียต
- แต่แก่นเทคโนโลยีของ Bitcoin ก็อาจปิดกั้นได้ยากขึ้นตามลำดับ เพราะยิ่งนานเครือข่ายยิ่งแข็งแกร่งและขยายทั่วโลก
- “21 ล้านเหรียญ” ชี้ให้เห็นโมเดลเงินที่โปร่งใสและคาดเดาได้
- ไม่มีการเซอร์ไพรส์ออกมาตรการพิมพ์เงินฉุกเฉิน ซึ่งทำให้ค่าเงินเสื่อมลงภายในคืนเดียว
- ผู้คนที่ศึกษาเชิงลึกจึงมอง Bitcoin เป็น “เงินที่ขาดไม่ได้” สำหรับการออมระยะยาว
เขียนโดย ChatGPT o1
อ่านทบทวยและเลือกโดย ผมเอง 55
#BTC
#siamstr