"เงิน" คือ ไหสำหรับกักเก็บ พลังงาน ใช้สะสมหยาดเหงื่อแรงกายที่เราใช้เวลาทำงานแลกมา เพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต
ตลอดประวัติศาสตร์ของอารยธรรมมนุษย์ สิ่งของที่ผู้คนยอมรับให้มันเป็นเงิน ล้วนมีคุณสมบัติในการเก็บรักษามูลค่าข้ามผ่านกาลเวลาได้ดีที่สุด ณ เวลานั้น สังคมไหนมีเงินที่ดีจะพบกับความเจริญรุ่งเรือง สังคมไหนใช้เงินสร้างง่ายจะลงเอยด้วยความล่มสลายทุกครั้ง มนุษย์ใช้เวลานับพันปีค้นพบว่าเงินที่ดีที่สุด คือ ทองคำ แต่สุดท้ายทองคำก็ล้มเหลว เพราะไม่สามารถรองรับความโลภของมนุษย์ได้ทัน
50 กว่าปีที่ผ่านมา เราอยู่ในระบบการเงินมาตรฐานเฟียต ที่การผลิตเงินขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคนบางกลุ่มที่ควบคุมระบบการเงิน ไม่จำเป็นต้องใช้ทองคำค้ำประกันกระดาษที่ตัวมันเองไร้ค่าอีกต่อไป และเมื่อไม่มีทองคำเป็นก้างขวางคอ ความสามารถในการพิมพ์เงิน "ไม่จำกัด" ก็ถูกปลดล็อก นับแต่นั้นเงินกลายเป็นสิ่งที่ค่อย ๆ เสื่อมค่าตามกาลเวลาอย่างถาวร และบังคับด้วยกฎหมายให้ทุกคนใช้งานมัน
แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่หมื่นปี หนึ่งในสันชาตญาณตามของมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ มนุษย์จะวิ่งเข้าหาแหล่งกักเก็บมูลค่าที่ดีและมั่นคงกว่าเสมอ พลังงานที่ถูกเก็บในไหที่อ่อนแอกว่าจะค่อยๆ ถูกย้ายไปยังไหที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ เหมือนตอนที่ผู้คนในอดีตที่เปลี่ยนจากการใช้ วัว เกลือ เปลือกหอยเป็นเงิน ไปเป็นทองคำโดยไม่ได้นัดหมาย กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่ต้องให้ใครมาสั่ง
เมื่อเงินเฟียตที่เราถูกบังคับให้ใช้มันเก็บรักษามูลค่าไม่ได้ ผู้คนจึงเริ่มย้ายความมั่งคั่งมาเก็บไว้ในภาชนะอื่น เช่นกลับไปถือเป็นทองคำ ถือเป็นหุ้น หรือของสะสมหายาก และสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่าแทนเงิน ยอดนิยมอันดับ 1 หนีไม่พ้น ที่ดิน แม้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นเงินยากกว่า แต่มันมั่นคงและรักษามูลค่าได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่นๆ
เมื่อเงินเก็บรักษามูลค่าไม่ได้ ผลกระทบที่เราต้องเผชิญคือ
1). รายได้วิ่งตามไม่ทันราคาข้าวของที่แพงขึ้น
2). ประหยัดอดออมยังไงก็มองไม่เห็นทางที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเงินออมสูญเสียมูลค่าอยู่ตลอดเวลา และ 50 กว่าปีที่ผ่านมา เงินเสื่อมค่าลงเฉลี่ย "ครึ่งนึง" ทุกๆ 10 ปี ในอีก 30 ปีข้างหน้า เงิน 100,000 บาทในวันนี้จะซื้อข้าวของได้เท่ากับ 12,500 บาทเมื่อเทียบกับวันนี้ และมั่นใจได้เลยว่าในอนาคตอัตราการเสื่อมค่าของเงินจะไม่มีวันต่ำลง ตัวเลขมีแต่จะสูงขึ้นเพราะการกระทำมักง่ายสุรุ่ยสุร่ายไร้ความรับผิดชอบของคนบางกลุ่ม
3). สินทรัพย์ทุกอย่างแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกคนต้องแย่งซื้อเพื่อใช้มันเก็บรักษามูลค่าแทนเงินที่เสื่อมค่าลงทุกวัน โดยเฉพาะบ้านและที่ดินราคามันอยู่ในจุดที่สูงเกินเอื้อมไปเรียบร้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาครอบครองบ้านแม้สักผืน คนพอมีก็ต้องกัดฟันทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายทั้งชีวิตเพื่อที่จะผ่อนบ้านเล็กๆ ได้หลังเดียวถ้วน ถ้าใครคิดว่าตอนนี้หนักแล้ว คุณมั่นใจได้เลยว่าในอนาคตมันยิ่งกว่านรก
สำหรับคนทั่วไปที่พยายามเต็มที่แล้ว แต่รายได้มันก็ยังไม่มากพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ความหวังเดียวที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต คือการเก็บน้ำพักน้ำแรงไว้ในภาชนะที่ไม่รั่ว! แต่ด้วยรายได้ที่ไม่ได้มากมายนัก เก็บหอมรอมริบได้ทีละน้อย มันก็เจอหลายปัญหา ที่ดินก็แพงเกินเอื้อม จะเก็บทองให้ปลอดภัยมันก็ยากเพราะยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งเลย เพราะฉะนั้นมันยากจริงๆ ที่จะเก็บเงินออมไม่ให้มันเสื่อมค่า ต้องจำใจเก็บเป็นกระดาษหรือตัวเลขในบัญชีให้มูลค่ามันถูกปล้นออกไปทุกวัน
จะหาว่าบ้าว่าเพ้อ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ในวันนี้มันมีเทคโนโลยีเก็บออมที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยมีมาถือกำเนิดขึ้นแล้ว มันมอบความหวังและแสงสว่างให้คนธรรมดาอย่างเรา ทวงสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีกลับมาได้อีกครั้ง ซึ่งนั่นคือ บิตคอยน์
สำหรับบิตคอยน์หากวันนึงในอนาคตทุกคนยอมรับทั่วกันว่ามันมี คุณสมบัติที่มั่นคงกว่า รักษามูลค่าได้ดีกว่า เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่ายกว่า นำไปใช้จ่ายได้ทันที ส่งผ่านข้ามซีกโลกได้ในเวลาไม่นาน เป็นเงินที่มอบ Finality ให้กับเราได้แทบจะทันทีเมื่อทำการแลกเปลี่ยน เงินมันถูกส่งมาถึงมือเราจริงๆ ไม่ใช่มาแค่ตัวเลขในบัญชี แล้วอีก 3-6 เดือนตัวเงินถึงจะถูกส่งจากธนาคารนึงมาสู่อีกธนาคารนึงที่เรามีตัวเลขเงินในบัญชี
และมันมอบความเป็น "เจ้าของเงิน" ให้เราได้อย่างแท้จริง ไม่มีใครหน้าไหนสามารถยึดมันไปจากคุณ ไม่มีใครหน้าไหนสามารถควบคุมเปลี่ยนแปลง แทรกแซงแก้ไขนโยบายทางการเงินของมัน ไม่มีใครหน้าไหนสามารถเสกมันเพิ่มได้ตามอำเภอใจ และทำให้เงินที่เราพยายามทุ่มเทหามาอย่างยากลำบากเสื่อมค่าลง
ถ้าชีวิตเราจะพัง ก็ขอให้มันพินาศด้วยน้ำมือของเราเอง อย่ายอมให้อนาคตของเราถูกทำลายด้วยน้ำมือของคนอื่น
จาก Nothing สู่กองทุน ETF ที่ประสบความสำเร็จที่สุด และวันนี้มันถูกใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และกำลังคลืบคลานไปสู่การเป็นสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศ ยิ่งผู้คนเข้าใจคุณสมบัติเหล่านี้ของบิตคอยน์มากเท่าไร เขาก็จะเลือกย้ายพลังงานส่วนเกินจากไหที่อ่อนแอกว่า มาเก็บความมั่งคั่งไว้ในมันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ในมาตรฐานเฟียต ที่ดิน ทองคำ มันก็ไม่ได้หายไปไหน ยังไงก็ต้องถูกใช้เป็นที่เก็บรักษามูลค่าแทนเงินอยู่วันยังค่ำ เพราะมันทำหน้าที่นี้ได้ดี เพียงแต่อัตราการเติบโตมันจะลดลง เพราะโลกมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ซึ่งคือ บิตคอยน์
โปรดใช้วิจาณญาณในการอ่าน และตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พลังงาน จะค่อยๆ ถูกย้ายไปในภาชนะที่เก็บรักษามูลค่าได้ดีกว่าเสมอ
- เงินบาทสูญเสียมูลค่าต่อดอลลาร์ซึ่งอยู่ในลำดับชั้นที่สูงกว่าไปแล้ว 40% เมื่อเทียบกับสมัยยุคตรึงค่าเงิน
- ดอลลาร์สูญเสียมูลค่าไปแล้ว 99% เมื่อเทียบกับทองคำและที่ดิน
แล้วในอนาคตทองคำและที่ดินจะสูญเสียมูลค่าให้กับสินทรัพย์ Store of Value ที่ดีกว่าอย่างบิตคอยน์เท่าไร?
"คุณ" ผู้ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่อยากมีชีวิตที่ดีเหมือนผม คุณจะเลือกเก็บ "พลังงาน" ของตัวเองไว้ในอะไร? จะเก็บเป็นกระดาษหรือตัวเลขในบัญชีก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ แต่เข้าใจดีแล้วใช่มั้ยว่ามันรั่ว
#Siamstr