Hipknox on Nostr: EP.54 นี้สุดจัด #Siamstr #SalmonPodcast #MythUniverse ...
EP.54 นี้สุดจัด #Siamstr #SalmonPodcast #MythUniverse
https://youtu.be/fK7TMJ0Srpg?si=CD9jmmuYYUvGgB6Xน่าทึ่งมาก ๆ ที่คนในยุคนั้นหาคำตอบของสิ่งที่เล็กลงไปในระดับของอะตอม (ปรมาณู) จากการอธิบายเทียบกับสิ่งของต่าง ๆ ที่มีอยู่ในยุคสมัยนั้น
พระพุทธเจ้าอธิบายว่าในหูของเรามี “จักขุประสาท” หรือประสาทหูที่เราใช้รับรู้ถึงเสียงโดยที่ท่านบอกว่า “ตั้งอยู่ในประเทศที่มีสันฐานเป็นวงแหวน“ ซึ่งในสมัยปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า ”กระดูก้นหอย“ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ พระพุทธเจ้ายังอธิบายต่อไปอีกว่า “ภายในมีขนแดงเส้นละเอียดอยู่ภายใน” ซึ่งในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “เซลล์ขน“ (Hair Cells) **ผมจะแปะอนิเมชั่นการทำงานของหูให้ข้างล่าง เห็นแล้วผมรู้สึกขนลุกจริง ๆ**
และถึงแม้ว่าในปัจจุบันวิทยาการของเราจะก้าวหน้าอย่างมาก กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนกำลังขยายสูงบอกกับเราว่าในร่างกายของเรามีสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่จริง ๆ และตรงตามที่มีเขียนไว้ในตำราทางศาสนา คำถามตัวโต ๆ เลยก็คือ พระพุทธเจ้าใช้วิธีไหนในการที่จะทำให้รู้ว่ามีสิ่งที่เล็ก ๆ เหล่านี้อยู่ โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างในปัจจุบัน 🤔
ในทางของพุทธแล้วมีแหล่งของการเกิดปัญญาอยู่ 3 แบบ คือ 1.สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการฟังการเล่าเรียน 2.จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณา และ 3.ภาวนามยปัญญา “ปัญญาที่เกิดจากการสัมผัสทางจิตวิญญาณ” หรือ “การปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริง”
เป็นอะไรที่ Abstract มาก ๆ และมันก็คงจะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่ได้เข้าถึงมันแล้วเท่านั้น
ปล. ไม่ใช่ความต้องการในการเอาวิทยาศาสตร์มาโยงกับความเชื่อทางศาสนาเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ คนที่เชื่อแม้ไม่มีข้อพิสูจน์เขาจะเชื่อ ส่วนคนที่ไม่เชื่อต่อให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์เขาก็จะไม่เชื่อ
คลิปการทำงานของระบบประสาทการรับเสียง :
https://youtu.be/eQEaiZ2j9oc?feature=sharedPublished at
2024-05-23 03:36:36Event JSON
{
"id": "03f58d87081ee4a060cffab702475e939dda892d08f67dae25a6945cc42a380b",
"pubkey": "0bd1f20c47a4f87d232cfdc70415710a29cb8ee08c10e96c87d880fb3cbb8bc2",
"created_at": 1716435396,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
],
[
"t",
"salmonpodcast"
],
[
"t",
"mythuniverse"
],
[
"nonce",
"9",
"5"
]
],
"content": "EP.54 นี้สุดจัด #Siamstr #SalmonPodcast #MythUniverse\n\nhttps://youtu.be/fK7TMJ0Srpg?si=CD9jmmuYYUvGgB6X\n\nน่าทึ่งมาก ๆ ที่คนในยุคนั้นหาคำตอบของสิ่งที่เล็กลงไปในระดับของอะตอม (ปรมาณู) จากการอธิบายเทียบกับสิ่งของต่าง ๆ ที่มีอยู่ในยุคสมัยนั้น\n\nพระพุทธเจ้าอธิบายว่าในหูของเรามี “จักขุประสาท” หรือประสาทหูที่เราใช้รับรู้ถึงเสียงโดยที่ท่านบอกว่า “ตั้งอยู่ในประเทศที่มีสันฐานเป็นวงแหวน“ ซึ่งในสมัยปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า ”กระดูก้นหอย“ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ พระพุทธเจ้ายังอธิบายต่อไปอีกว่า “ภายในมีขนแดงเส้นละเอียดอยู่ภายใน” ซึ่งในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “เซลล์ขน“ (Hair Cells) **ผมจะแปะอนิเมชั่นการทำงานของหูให้ข้างล่าง เห็นแล้วผมรู้สึกขนลุกจริง ๆ**\n\nและถึงแม้ว่าในปัจจุบันวิทยาการของเราจะก้าวหน้าอย่างมาก กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนกำลังขยายสูงบอกกับเราว่าในร่างกายของเรามีสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่จริง ๆ และตรงตามที่มีเขียนไว้ในตำราทางศาสนา คำถามตัวโต ๆ เลยก็คือ พระพุทธเจ้าใช้วิธีไหนในการที่จะทำให้รู้ว่ามีสิ่งที่เล็ก ๆ เหล่านี้อยู่ โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างในปัจจุบัน 🤔\n\nในทางของพุทธแล้วมีแหล่งของการเกิดปัญญาอยู่ 3 แบบ คือ 1.สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการฟังการเล่าเรียน 2.จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณา และ 3.ภาวนามยปัญญา “ปัญญาที่เกิดจากการสัมผัสทางจิตวิญญาณ” หรือ “การปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริง”\n\nเป็นอะไรที่ Abstract มาก ๆ และมันก็คงจะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่ได้เข้าถึงมันแล้วเท่านั้น\n\nปล. ไม่ใช่ความต้องการในการเอาวิทยาศาสตร์มาโยงกับความเชื่อทางศาสนาเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ คนที่เชื่อแม้ไม่มีข้อพิสูจน์เขาจะเชื่อ ส่วนคนที่ไม่เชื่อต่อให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์เขาก็จะไม่เชื่อ\n\nคลิปการทำงานของระบบประสาทการรับเสียง : \n\nhttps://youtu.be/eQEaiZ2j9oc?feature=shared\n",
"sig": "692540a5e7fe37e687cbba868380994fa96e7f2b9a3d40da5479d0c22df5af76cd9663a82f87f9bea8a4c3dfa68b228f1a0b2e1106bdf81ec6e7361e97114740"
}