Hipknox on Nostr: ## ชีวิตคือความไม่แน่นอน ...

## ชีวิตคือความไม่แน่นอน กับคอมพิวเตอร์คู่ใจก็เหมือนกัน และเพราะว่าโชคเป็นค่าคงที่

"White Light of Death"

ผมไม่แน่ใจว่า mainboard สมัยนี้ตัดเอาลำโพง buzzer ที่มักจะแถมมาในกล่องของ mainboard ที่ซื้อใหม่ออกไปเกือบทุกรุ่นแล้วหรือไม่ แต่เจ้า Asus TUF ของผมมันไม่มาให้ ซึ่งหน้าที่ของเจ้าลำโพง buzzer คือเอาไว้เป็นสัญญาณเตือนความปกติ และผิดปกติเวลาที่ mainboard หรืออุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ มีปัญหา แต่พอมันไม่มีแถมมาให้เราแทบจะไม่รู้เลยว่าคอมฯ ที่เราใช้มันเกิดปัญหาอะไร แล้วจะแก้ไขมันที่ตรงไหน

โชคยังดีที่เจ้า mainboard Asus TUF ของผมมันมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงานคอยบอกว่ามันปกติหรือเกิดความผิดปกติ (ซึ่งมันอยู่ในเคส ปกติก็มองไม่เห็นมันหรอก) เมื่อวันเสาร์ก็แงะฝาเคสออกมาดู อ่าห์..ขาวมาเลย ที่แรก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ผมเชื่อเลยว่าทุกคนที่ซื้ออุปกรณ์มาประกอบคอมฯ ด้วยตัวเองไม่มีใครสนใจอ่านคู่มือที่แถมมาให้แน่ ๆ ผมก็คนหนึ่ง

ผมลืมบอกไปว่าอาการที่เจอคือเปิดคอมฯ แล้วภาพไม่ขึ้นจอ พัดลมยังคงหมุนทำงานเป็นปกติ ทุก ๆ อย่างดูปกติยกเว้นไฟ LED ที่ mainboard มันติดค้างเป็นสีขาวแทนที่จะเป็นสีเขียว ผมลองสลับสาย display port ที่ใช้กับ HDMI มันก็ยังไม่ติดอยู่เหมือนเดิม ผมลองถอดเอา RAM ออกมาสลับ slot มันก็ยังไม่หาย ผมลองปิดเครื่องตัดแหล่งจ่ายไฟออก แล้วถอดถ่าน bios ออก ทำการกดปุ่ม power รัว ๆ เพื่อที่จะไล่ไฟฟ้าที่อาจจะค้างอยู่ในตัวอุปกรณ์ออก (มันเป็นเรื่องพื้นฐานเวลาที่คอมฯ เกิดปัญหาเราควรลองทำดูเพื่อแก้อาการ error บางอย่าง) ซึ่งมันก็ไม่หาย เวรล่ะ Google เถอะโยม

หลังจากลองเอารุ่นของ mainboard ไปค้นเผื่อว่าจะเจอกับทางออกอะไรบ้าง ก็ไปเจอสิ่งที่มันเรียกว่า error list ของรุ่นนี้คือสัญญาณไฟสถานะจาก LED ที่ติดอยู่บน mainboard นั่นแหละ สีเขียวคือปกติ สีขาวคือ “ไม่พบการเชื่อมต่อ graphic card บน mainboard“ อ่าห์.. เชี่ยละ เสียเอาซ่ะแพงที่สุดในคอมฯ เลย ไม่ได้การ ผมถอดเอาการ์ดจอของผม ไปลองใส่กับคอมฯ ของน้อง ปรากฏว่าใช้ได้ปกติ ลองเอาการ์ดจอของน้องผมมาใส่กับคอมฯ ของผมอาการยังคงเหมือนเดิม โล่ง..ไม่ได้เป็นที่การ์ดจอสินะ แต่เดี๋ยวก่อน การ์ดจอไม่เสีย แล้วถ้ามันเป็นที่ mainboard นี่ ได้เปลี่ยนทั้ง CPU กับ mainboard พร้อม ๆ กันแน่

โชคยังดีที่ตอนที่ตัดสินใจประกอบคอมฯ เมื่อหลายปีก่อนผมเลือก form factor ของ mainboard เป็นแบบ ATX (ขนาดใหญ่เกือบสุด) แทนที่จะเป็น m-ATX แบบที่เพื่อนผมบอกว่าประหยัดเงินกว่า มันทำให้มี slot การ์ดจอ (PCI-E) เพิ่มมาอีก 1 ช่อง (ที่คิดมาตลอดว่าไม่น่าจะได้ใช้) วันนี้ก็ถึงคราวที่จะได้เอามาลองใส่การ์ดจอที่เพิ่งถอดออกมาดูว่ามันจะใช้งานได้มั้ย

นั่นแหละปัญหาอื่นเกิดต่อ เคสที่ซื้อมาตรงบริเวณ slot ที่ 2 ของการ์ดจอมันดันเป็นช่องที่ติดกับเคสส่วนที่สำหรับใส่ HDD ขวางอยู่ (คือการ์ดจอขนาดมันใหญ่และยาวเกิน ทำให้ติดเคส) แม่งเอ้ย..ใส่ไม่ได้ ถ้าอยากรู้ว่ามันเสียที่ slot ที่ 1 ของการ์ดจอหรือเปล่ายังไงก็ต้องลองดูก่อน สรุปคือได้ลื้อทั้งเครื่อง ผมถอดเอาอุปกรณ์ทุกชิ้นมาวางแบอยู่บนฝาเคสที่เป็นอะคริลิก แล้วต่อสายประกอบใหม่โดยที่ลองเปิดเครื่องแบบที่มันยังคงเปลือย ๆ อยู่นั่นแหละ ปรากฏว่า เปิดติดแล้วโว้ย.. จอก็ขึ้นภาพแล้ว ไฟสถานะที่ mainboard ก็ขึ้นสีเขียวแล้ว ลาก่อนเจ้า white light of death แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าใช้ slot การ์ดจออันที่ 2 มันติดเคส เราจะเอาทั้งหมดกลับลงเคสไม่ได้ อ๊าก... ปวดหัว ทำไงดีวะ สั่งเคสใหม่จากคุณจิ๊บดีมั้ย? สั่งส่งด่วนคงโดนบวกค่าส่งเพิ่มอีกหลายร้อยเลย แต่ *ส่งด่วนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ร่วมคอมประกอบ และเคสคอมพิวเตอร์* 🥹

ผมเลยตัดสินใจลอง ปิดเครื่องแล้วสลับเอาการ์ดจอกลับมาใส่ที่ slot ที่ 1 อีกครั้ง เผื่อว่าโชคจะเข้าข้าง ก่อนที่จะกดปุ่มเปิดเครื่องแล้วพบว่า “เปิดติดแล้วเย่.. ไม่มีอะไรเสียทั้งนั้น.. ทุก ๆ อย่างเป็นแค่ความฝัน” ฉิบหาย เวลาเกือบครึ่งวันที่ผ่านไปคืออาร๊าย? โชคยังดีต่อไปคือ พอถอดทุก ๆ อย่างที่เอาออกมาเปลือยข้างนอกเคส แล้วประกอบมันใหม่ลงในเคสอีกครั้งพร้อมกับค่อย ๆ จัดทางสายไฟที่รกรุงรังใหม่ด้วยเข็มขัดรัดสายให้ภายในนั้นดูสวยงาม (ถึงเวลาที่ใช้งานคอมฯ เราจะไม่ได้ไปนั่งจ้องดูข้างในเคสก็เถอะ) พร้อมปิดจ๊อบด้วยการปิดฝาเคสและขันน๊อต ราวกับว่าคงจะไม่ได้แกะมันออกมาอีกซักพัก พร้อมกับกดปุ่มเปิดเครื่อง เสียงพัดลมดังขึ้นวี้ด ๆ แสงที่จอภาพมีวงล้อหมุดวนอยู่ตรงกลางจอสีดำ ไม่มีอีกแล้วอาการที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน ลาก่อนเจ้า white light of death ที่ใครเห็นต่างก็ต้องร้องระงมเป็นแน่ ถ้าปัญหามันมาจากเจ้าการ์ดจอราคาแพงที่ประกันได้หมดไปนานแล้ว

ในหัวของผม หลงเหลืออยู่เพียงแค่คำถามเดียว “อ่าห์.. มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ” พร้อมกับจิ้มไปที่ Brave browser เปิดไปที่ YT เพื่อฟังเพลงผ่อนคลายหลังจากที่หลังขดหลังแข็งมาพักใหญ่ ๆ ด้วยเพลงสุดโปรดอย่าง Luck As A Constant ของวง Periphery

“เมื่อโชคเป็นค่าคงที่” ที่ถูกนำมาคูณเข้ากับสิ่งที่เรียกว่าความมุ่งมั่นและเพียรพยายาม ผลลัพธ์ที่ดีจึงบังเกิดขึ้นจากการรวมกันของทั้งสองสิ่งนี้

จะเกิดอะไรขึ้นหากผมตัดสินใจสั่งอุปกรณ์ที่คิดว่าเสียมาเปลี่ยนตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าผมจะมีโชคติดอยู่กับตัวแต่ตัวคูณที่เรียกว่าความพยายามมีค่าเป็นศูนย์ ผมคงเสียเงินฟรี ๆ ไปกับสิ่งที่สามารถลงแรงพยายามเพื่อลองแก้ปัญหาดูก่อนได้ไปแล้ว ถึงแม้สุดท้ายแล้ว ผมจะไม่สามารถรู้ถึงสาเหตุของเจ้าคอมฯ เจ้าปัญหาเครื่องนี้ของผมก็เถอะ #Siamstr

https://youtu.be/G8nM0LTxTOo?si=_mTjfgfadjA_Bd8G