โอเค่ มาอ่านบทความฟุตบอลสนุก ๆ ที่จู่ ๆ โยงไปด่าซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐได้เนียน ๆ รับเช้าตรู่รับวันเสาร์ When Saturday Comes กันดีกว่า GM krub
“The Korean Guy” Who Rocks English Premier League (and How Korean “Soft Power” Works)#footballstr
เมื่อคิดถึงนักเตะเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หลาย ๆ คนน่าจะคิดถึงหนังเตะอย่าง ซฮน เฮือง-มิน (Heung-Min Son) หรือ ปาร์ค จี-ชอง (Ji-Sung Park) และยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ผ่านเข้ามาให้เห็นหน้าเห็นตาบ้างแต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าสองคนนี้ แต่ตอนนี้มีอีกคนที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากในเวลาที่คอนเทนต์ทางโซเชียลมีเดียที่ทุกคนสามารถรับสารได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นตำนานมีมในเวลานี้
—
หลาย ๆ คนถึงตอนนี้ถ้าติดตามดูและเสพย์ข่าวสารของฟุตบอลอังกฤษคงไม่มีใครไม่รู้จักชายสมญานาม “The Korean Guy” ที่กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเรียกจนกลายเป็นมีมที่ทุกคนในพรีเมียร์ลีกอังกฤษหรือแม้แต่ในสื่อเกาหลีใต้บ้านเกิดเรียกจนติดปากไปแล้วอย่าง ฮวาง ฮี-ชาน (Hee-Chan Hwang) กองหน้ากึ่งปีกชาวเกาหลีใต้ ที่กำลังทำผลงานยิงกระฉูดให้พลพรรคหมาป่า วูลฟ์แฮมป์ตัน วอนเดอร์เรอส์ (Wolverhampton Wanderers) ที่เรียกสั้น ๆ ว่ากันว่าวูลฟ์ หรือหมาป่า ณ ตอนนี้
—
เรามาทำความรู้จักกับ The Korean Guy คนนี้กัน
ฮวางเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรโปฮัง สตีลเลอร์ (Pohang Steelers) ในระดับลีกโรงเรียนเยาวชนของเกาหลีใต้แล้วทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งกองหน้าจนได้รางวัล MVP ของลีก แล้วผลงานก็ไปเตะตาสโมสรระดับท็อปของยุโรปในลีกออสเตรียอย่างเรดบูล ซัลส์บวร์ก (Red Bull Salzburg) คว้ามาร่วมทีมในฤดูกาล 2014–2015 แต่หลังย้ายมาร่วมทีมก็ได้ถูกส่งไปยืมตัวไปอยู่กับ เอฟซี ไลฟ์เฟอร์ริ่ง (FC Liefering) ในลีกดิวิขั่นสองของออสเตรีย ซึ่งเป็นทีมสำรองของซัลส์บวร์กนั่นเอง
—
ฤดูกาลแรกที่นั้นทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักด้วยการยิงไปเพียง 2 ประตูจาก 13 นัด แต่อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงแห่งการปรับตัวด้วยการที่ไปอยู่ลีกที่ใหม่ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และกำแพงทางภาษา แต่แล้วในฤดูกาล 2015–2016 ที่ยังคงอยู่ในช่วงยืมตัว ฮวางกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเพียงครึ่งฤดูกาลนั้นสามารถยิงไปได้ถึง 11 ประตูจาก 18 นัด จนซัลส์บวร์กต้องเรียกกลับมาใช้บริการในครึ่งฤดูกาลหลังแต่ไม่สามารถยิงได้ซักประตูให้กับทีม
—
มาถึงฤดูกาล 2016–2017 ที่ฮวางกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับซัลส์บวร์ก โดยยิงไปถึง 16 ประตูจาก 35 นัด และยังคงฟอร์มดีต่อเนื่องมาถึงฤดูกาล 2017–2018 ซึ่งฮวางได้เล่นถ้วยระดับยุโรปอย่างยูโรป้าลีก (Europa League) เป็นครั้งแรกในชีวิต โดยสามารถพาทีมเข้าไปถึงรอบสี่ทีมสุดท้าย โดยยิงไป 5 ประตูจาก 14 นัด ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ส่วนลีกในประเทศถึงแม้ยอดทำประตูจะหายไปบ้างแต่ก็ถือสอบผ่านด้วยผลงาน 8 ประตูจาก 23 นัด แต่พอมาถึงฤดูกาล 2018–2019 ไม่รู้ซัลส์บวร์กคิดอย่างไรถึงปล่อยฮวางไปอยู่ฮัมบวร์ก (Hamburger SV) อดีตทีมดังที่ตกอับอยู่ในลีกบุเดสลีกา 2 ในเยอรมัน แล้วเมื่อไปถึงที่นั่นเหมือนฮวางก็ต้องปรับตัวใหม่ และเริ่มมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง โดยยิงไปเพียง 2 ประตูจาก 21 นัด
—
และแล้วก็มาถึงฤดูกาล 2019–2020 ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ฮวางทำผลงานได้ดีที่สุดในชีวิตนักฟุตบอล โดยกลับมาอยู่กับซัลส์บวร์ก แล้วสร้างชื่อสนั่นวงการฟุตบอลยุโรปด้วยการประสานงานในแนวรุกของทีมในตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีกกับ ทาคุมิ มินามิโนะ (Takumi Minamino) อดีตนักเตะหงส์แดงซึ่งเล่นในตำแหน่งละสไตล์ที่คล้าย ๆ กัน และกองหน้าตัวเป้าผมยาวสลวยสวยเก๋ขนาดสาว ๆ บางคนยังอิจฉา จนหลาย ๆ คนคิดว่าควรไปเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ยิงประตูทุบสถิติเป็นว่าเล่นแห่งทีมเรือใบสีฟ้า แมนชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ในปัจจุบันอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (Erling Haaland)โดยฮวางนั้นยิงไป 16 ประตู จ่ายไปถึง 22 แอสซิสต์ จาก 40 นัด ในทุกรายการแข่งขัน
—
เมื่อผลงานดีขนาดนี้มีหรือจะเนื้อไม่หอม แต่แล้วก็เป็นทีมแม่ของซัลส์บวร์กในเยอรมันอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก (RB Leipzig) ซึ่งโดยห้ามใช้ชื่อสปอนเซอร์นำหน้าทีมด้วยกฏของบุเดสลีกาเลยต้องใช้คำว่า แอร์เบ ซึ่งเป็นคำย่อแทนที่คำว่า เรดบูล (Red Bull) ดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2020–2021 แต่โชคชะตาก็ไม่ได้ใจดีต่อฮวางนักเนื่องจากติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทำให้จำกัดการลงสนามไปและผลงานส่วนตัวในลีกก็ไม่ดีนัก ลงสนามไป 18 นัดและไม่สามารถยิงช่วยทีมในบุเดสลีกาได้ซักประตู แต่ยังพอมีผลงานให้ปลอบใจในฟุตบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล (DFB-Pokal) โดยยิงไป 3 ประตูจาก 5 นัด ส่วนในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ลงไป 3 นัด ไม่สามารถยิงได้เลย
—
เมื่อผลงานไม่ดีนักมีหรือที่ทีมชั้นนำอย่างไลป์ซิกจะเก็บไว้ใช้ต่อ เมื่อถึงฤดูกาล 2021–2022 ฮวางได้ย้ายมาผจญภัยในพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นครั้งแรกกับทีมหมาป่าในรูปแบบยืมตัว โดยมีเงื่อนไขซื้อขาดได้เมื่อจบฤดูกาล ถึงแม้อาจจะยังไม่เปรี้ยงปร้างนักและเริ่มมีสัญญาณการบาดเจ็บที่แฮมสตริง (Hamstring) แต่ก็ถือทำผลงานได้น่าพอใจจนทีมตัดสินใจซื้อขาดภายในแค่ครึ่งฤดูกาล โดยที่ยิงไป 5 ประตูจาก 30 นัด แต่แล้วในฤดูกาล 2022–2023 ถัดมาก็เหมือนอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงก็กลับมารบกวนฮวางอีกครั้ง แต่ผลงานก็พอถูไถไม่โดดเด่น โดยยิงไป 4 ลูกจาก 32 นัด
—
แต่แล้วเมื่อถึงปัจจุบันในฤดูกาล 2023–2024 ชีวิตของฮวางก็ได้เปลี่ยนไป จนเรียกได้ว่ากลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้งทั้งเรื่องราวในและนอกสนาม โดยที่ต้องเครดิต เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มีส่วนช่วยด้วยอีกแรง จนบังเกิดตำนานแห่ง “The Korean Guy”
—
ฮวางเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรงด้วยการยิง 3 ประตูจาก 6 นัดแรก จนเมื่อมาถึงนัดที่ 7 ที่มีคิวเตะกับแมนซิตี้ โดยในการแถลงข่าวก่อนเกม เป๊ป ได้คำถามจากนักข่าวว่านักเตะคนไหนของหมาป่าที่เป็นตัวอันตรายต้องจับตาดูเป็นพิเศษบ้าง เป๊ปได้เอ่ยชื่อของนักเตะหมาป่าอย่าง เปโดร เนโต้ (Pedro Neto) ปีกจอมลากเลื้อยตัวอันตรายที่เป็นผู้นำแอสซิสต์ของพรีเมียร์ลีกในปัจจุบันที่ 7 ประตู ขนาดเจ้าตัวได้รับอาการบาดเจ็บหายหน้าไปหลายแมตช์แล้ว และ มาเทอุส คุณญ่า (Matheus Cunha) กองหน้าชาวบราซิลเลี่ยน และสุดท้ายที่เป๊ปแกดันจำชื่อฮวางไม่ได้ หรือนึกไม่ทันเลยเรียกเป็น The Korean Guy แทน ตอนแรกก็เป็นประเด็นสำหรับแฟนบอลบางคนเลยว่า เห้ยเป๊ปเหยีดไรป่าวเนี่ย ทำไมจำชื่อนักเตะฝั่งตรงข้ามไม่ได้ แล้วก็มีบางคนก็บอกว่าเดี๋ยว The Korean Guy นี่แหละจะยิงแมนซิตี้ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นที่ฮวางนั้นดันมายิงประตูชัยให้หมาป่าชนะแมนซิตี้ไป 2-1 ในบ้าน จนขนาดทีมตัวเองยังเอา The Korean Guy มาใช้เป็นเฮดไลน์ในช่องทางโซเชียลมีเดียตอนที่ฮวางยิงได้ แม้กระทั่งคอมเมนเตเตอร์เกาหลีใต้ได้จะโกนออกอากาศเลยว่า “เดอะ คอเรียนนนน กัยยยยย” ซึ่งฮวางก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการที่ถูกเรียก The Korean Guy ว่า ผมคิดในด้านบวกนะและรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ถูกกล่าวถึงโดยหนึ่งในยอดโค๊ชที่ดีที่สุดในโลกอย่างเป๊ป และหลังจากนั้นฮวางก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจนสถิติถึงนัดล่าสุดที่เจอกับเบิร์นลี่ โดยยิงไปทั้งหมด 9 ลูกจาก 16 นัด และยังสร้างสถิติเป็นคนแรกของวูลฟ์ที่ยิงประตูได้ทุกนัดจากการเล่นในบ้าน 5 นัดรวดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล
—
ส่วนตัวจากที่ติดตามดูผลงานของฮวางในฤดูกาลนี้ ฮวางเป็นคนที่มีความพยายาม มีความเร็ว วิ่งสู้ฟัด ตั้งใจเล่นในสไตล์นักเตะเกาหลี ไม่มีออกลูกตุกติก เป็นคนที่หาจังหวะและช่องในการยิงได้เป็นอย่างดี และไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเหมือนเคย โดยแฟนวูลฟ์ในอังกฤษบางส่วนได้กล่าวอวยถึงฮวางไว้ว่า “Nothing can stop Hwang except for his own hamstring.”
—
และทีนี้จะมาพูดถึงกระแสของฮวางและซอนในฟุตบอลอังกฤษตอนนี้เกี่ยวกับ Soft Power ที่เป็นกระแสได้อย่างไร
—
จากการที่รัฐบาลบ้านเราพยายามจะเคลมสิ่งต่าง ๆ เป็นซอฟท์พาวเวอร์โดยที่ไม่รู้ถึงบริบทของสิ่งนั้นเป็นอะไรที่ดูมึน ๆ งง ๆ สำหรับพวกเราหลาย ๆ คน เลยจะยกตัวอย่างถึงซอฟท์พาวเวอร์ของเกาหลีซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักกันดี เช่น อาหาร ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ วัฒนธรรม เค-ป๊อป ที่ออกไปสู่สายตาชาวโลกทั่วไป หรือแม้กระทั่งนโยบายทางการทูตก็ตาม ซึ่งเกาหลีนั้นได้พยายามในการเจาะตลาดชาวเอเชียซึ่งประสบความสำเร็จในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มาระยะใหญ่แล้ว แม้กระทั่งในตอนนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดียก็ตาม ซึ่งคือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และจนมาถึงปัจจุบันที่คนสามารถเสพย์ทุกอย่างได้ทุกที่ทุกเวลาบนโทรศัพท์มือถือตัวเองยิ่งทำให้ความเป็นเกาหลีได้แพร่กระจายไปสู่ทั่วโลกแบบสมบูรณ์ ซึ่งใครเอยจะเคยคิดว่าวันนึงคนทวีปอเมริกาเหนือ/ใต้ และยุโรปจะมาเสพย์สิ่งที่เป็นของชาวเกาหลี มากรี๊ดกร๊าดกับดาราหรือเค-ป๊อปวงต่าง ๆ ซึ่งไม่น่าจะต้องยกตัวอย่าง ที่หลาย ๆ คนจะรู้จักกันดีหรืออย่างน้อยก็อาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
—
และถ้าใครติดตามข่าวสารต่างประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่อังกฤษ เมื่อวันที่ 22 เดือนที่แล้ว ที่กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเปิดพระราชวังบักกิงแฮม จัดงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอังฤษและเกาหลีใต้ ซึ่งแขกรับเชิญที่ทุกคนรู้จักกันดีนั่นก็คือสี่สาว BLACKPINK และช่องยูทูปเบอร์ชื่อดังของเกาหลีใต้แต่เป็นคนอังกฤษอย่าง Korean Englishman ของสองหนุ่ม Josh Carrott และ Ollie Kendal หรือจอชและโอลลี่ ที่ไปอาศัยอยู่ที่เกาหลีและคอยโปรโมตวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่พวกเขาหลงไหลให้ชาวโลกได้รับรู้กันตั้งต่ปี 2013 ซึ่งแขกรับเชิญดัง ๆ ในรายการของพวกเขาก็มีทั้งคนดังทั้งในอังกฤษ แวดวงฮอลลีวู๊ดและเกาหลีใต้มาร่วมจอยออกรายการมาแล้ว รวมถึงซอนและฮวางในตอนล่าสุดของรายการ และถ้าสองคนนี้ไม่ได้ติดภารกิจรับใช้ชาติในช่วงนั้นก็คาดว่าจะได้รับเชิญเช่นกัน และในงานนี้ษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้ทรงตรัสถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลีที่บุคคลที่กล่าวถึงข้างต้นช่วยกันเผยแพร่และนโยบาลของรัฐบาลเกาหลีมีต่ออังกฤษอีกด้วย
—
และวกกลับมาถึงวงการฟุตบอลอังกฤษในตอนนี้ถ้าเข้าไปช่องยูทูปของทีมวูลฟ์หรือแม้กระทั่งของสเปอร์สทีมของซอนจะพบคอนเทนต์ที่ความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเยอะพอสมควร โดยเฉพาะส่วนของทางวูลฟ์ในช่วงหลัง เห็นได้ชัดหลังจากการเผยแพร่ของมีม The Korean Guy โดยทางทีมมีการทำคอนเทนต์ที่คอยโปรโมตวัฒนธรรมเกาหลีเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องอาหารและภาษาเกาหลี และเดี๋ยวนี้ยังมีซับไตเติลภาษาเกาหลีด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น การให้ฮวางมาสอนเพื่อนร่วมทีมพูดภาษาเกาหลี เชฟประจำทีมทำอาหารเกาหลีให้ฮวางกิน หรือแม้กระทั่งเทปล่าสุดที่ให้ Korean Englishman มาชวนนักเตะวูลฟ์บางคนและฮวางมากินอาหารเกาหลีและต่างติดใจกันไปเป็นแถบ กระทั่งขอเอากลับบ้านไปกิน ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยโปรโมตความเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของเกาหลีแล้วยังสามารถทำให้วูลฟ์เป็นทีมที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นจากในเกาหลีใต้อีกด้วย
—
ซึ่งเห็นได้ว่าไม่ใช่อะไร ๆ ก็จะเคลมเป็นซอฟท์พาวเวอร์ได้ทั้งหมด อะไรที่มีความร่วมสมัย เข้าถึงง่ายต่อคนดูทั่วไป มีความสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดอยู่กับอดีตและวัฒนธรรมไทยอันดีงามที่ใช้ในปัจจุบันไม่ได้อีกต่อไป หรือไม่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับในบริบทยุคปัจจุบัน รวมถึงเรื่องการศึกษาที่ต้องยกระดับกันทั้งโครงสร้างให้สามารถเข้าใจในบริบทสังคมโลกภายนอกนอกจากประเทศไทย และการร่วมทุนและให้ทุนจากของรัฐ องค์กรเอกชน ฝั่งครีเอเตอร์ในโลกออนไลน์และออฟไลน์ทั้งหลายที่มีความครีเอทและมีความสารมารถที่ยังขาดแหล่งเงินทุนและการสนับสนุน ฝั่งที่เราจะพยายามโปรโมตให้เขาดู นอกจากนี้ยังรวมถึงนโยบายต่างประเทศของเราเองด้วยเช่นกัน และยิ่งเมื่อเห็นโอกาสก็ต้องรีบทำ ไม่ใช่เอาแต่พูดสัญญาไว้แล้วก็หายต๋อมไปตามระเบียบไทยสไตล์
—
สุดท้ายถ้าประเทศเราทำอะไรแบบเดิม ๆ บริหารกันแบบเดิม ๆ ยึดติดกับอะไรไทยเดิม ๆ ประเทศเราก็มาได้แค่นี้และก็อยู่กันแบบซอฟท์ ๆ ไทยเดิมที่ต้องต้มยำกุ้งผัดไทยกันต่อไป
—
References:
https://www.youtube.com/@koreanenglishman/videos
https://www.youtube.com/@OfficialWolvesVideo
https://www.youtube.com/@TottenhamHotspur
https://www.youtube.com/watch?v=Ev4aErlxf8U
https://www.transfermarkt.com/hee-chan-hwang/leistungsdaten/spieler/292246/saison/2023/plus/1#gesamt
https://en.wikipedia.org/wiki/Hwang_Hee-chan
#siamstr #footballstr #thekoreanguy #wolverhamptonwanderers #epl #ฟุตบอล #พรีเมียร์ลีก #วูลฟ์ #เกาหลี