L.SUVANN on Nostr: ความเพ้อเจ้อ ของผู้เจริญ ...
ความเพ้อเจ้อ ของผู้เจริญ “สติ”
จะเจริญ”สติ” แล้วโว้ย!!
นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
เอาหยาบๆ ที่เค้าๆทำกัน
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ สังเกตกาย
สังเกต สถาวะการทำงานของ ร่างกาย ยืนเดิน นั่ง นอน
เอาที่ง่ายหยาบเข้าถึงทุกคน ไม่ติดเรื่องภาษาให้เข้าใจยาก สามารถเอามาสังเกตุได้ทันที เลยนิยมจับเอา “ลมหายใจ”
มาสังเกต
มานั่งเน้นๆ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
พุทโธ, ตัวรู้? รู้อะไรวะไม่เห็นอะไรเลย
จิตหลุดจากร่างหรอวะ ยังไง?
ไหนจะเคยได้ยิน ว่าบางคนเห็นแก้วใส เห็นสวรรค์ ไปกันใหญ่ ทำมัยไม่เห็นแบบนั้นมั่ง
สภาวะมี ”สติ”
สักแต่ว่ารู้ รู้ห่าอะไรวะ?
มันน่าจะเป็นการละลึกรู้ หาอะไรมาเป็นเป็นที่อยู่ของจิต
สักแปบ “ลืมสังเกต” ลม แต่ภายในจิตภายในใจเริ่มมีเรื่องเข้าอื่นเข้ามาทันที
“เห้ยเบื้อวะ”, “คนข้างๆนิ่งจังวะ”, “ขาแม่งเหน็บกินขยับได้มั้ยวะ”, “ไอ้ห่าหมาที่บ้านเพิ่งพาไปหาหมอ มันดีขึ้นยัง”, “btc เด้งแล้วมั่งง”
แล้วจะ “รู้” ห่าอะไร?
แต่…. “พอรู้สึกตัว” เห้ยนี้เรากำลังจะมาโฟกัส มาสังเกตุ “ลม” หนิ
มันกลับ auto ไป ที่ “ลม“ ทันที เรื่องอื่นๆดับหายไปหมดเลย
เห้ย นั้นมัน “จิต” รึป่าววะ ที่คอยไปผสมกับสิ่งต่างๆ(เจตสิก52) นั้นนี้ เลยต้องมีหลักมัดไว้(ลมหายใจ)
พอพิจารณาลมหายใจ ออก-เข้า
พอสังเกตมากเข้าๆ
ลมหายใจออกเองก็ทุกข์ ลมหายใจเข้าก็ทุกข์ (พอถึงจังหวะหายใจออก ช่วงนึงก็รู้สึกถึง”สภาวะบีบคั้น”เลยต้องหายใจเข้า)
ชิบหายแล้วดัน “รู้” ทุกข์
ชักเริ่มพอจะรู้สึก“รู้”ที่ว่า แบบหยาบๆ หน่อยละ หากพิจารณาให้ละเอียดน่าจะเจอ (เหตุของทุกข์ จากการหายใจออก-เข้าต่อ)
เราจัก เป็นผู้ระงับกายสังขาร หายใจออก
เราจัก เป็นผู้ระงับสังกายสังขาร หายใจเข้า
เราจัก ระงับการปรุง ของจิต เราจะมีสติรู้แต่ “ลม” (กาย)
GM บัณฑิตทั้งหลาย
พึงหาสติที่เหมาะสมกับจริตตน เจริญให้มาก เจริญให้บ่อย เจริญให้ชิน เพื่อเป็นเหตุให้คง สภาวะ “รู้” ตามความเป็นจริง เถิด
Published at
2024-10-04 02:35:23Event JSON
{
"id": "1c22ea8b3582e277f83e16c1c39121e67e805bd8c43fd9d9dbe9e8b2acddfbb4",
"pubkey": "2bfc8bf7711b426bdebcd295cc459300a0a0d8bd918b3572ba98a34f2671a2ae",
"created_at": 1728009323,
"kind": 1,
"tags": [],
"content": "ความเพ้อเจ้อ ของผู้เจริญ “สติ”\n\nจะเจริญ”สติ” แล้วโว้ย!!\n\nนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า \n\nเอาหยาบๆ ที่เค้าๆทำกัน \nกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ สังเกตกาย\nสังเกต สถาวะการทำงานของ ร่างกาย ยืนเดิน นั่ง นอน\n\nเอาที่ง่ายหยาบเข้าถึงทุกคน ไม่ติดเรื่องภาษาให้เข้าใจยาก สามารถเอามาสังเกตุได้ทันที เลยนิยมจับเอา “ลมหายใจ”\nมาสังเกต\n\nมานั่งเน้นๆ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย \nพุทโธ, ตัวรู้? รู้อะไรวะไม่เห็นอะไรเลย\nจิตหลุดจากร่างหรอวะ ยังไง?\nไหนจะเคยได้ยิน ว่าบางคนเห็นแก้วใส เห็นสวรรค์ ไปกันใหญ่ ทำมัยไม่เห็นแบบนั้นมั่ง\n\nสภาวะมี ”สติ” \nสักแต่ว่ารู้ รู้ห่าอะไรวะ?\n\nมันน่าจะเป็นการละลึกรู้ หาอะไรมาเป็นเป็นที่อยู่ของจิต\n\nสักแปบ “ลืมสังเกต” ลม แต่ภายในจิตภายในใจเริ่มมีเรื่องเข้าอื่นเข้ามาทันที \n\n“เห้ยเบื้อวะ”, “คนข้างๆนิ่งจังวะ”, “ขาแม่งเหน็บกินขยับได้มั้ยวะ”, “ไอ้ห่าหมาที่บ้านเพิ่งพาไปหาหมอ มันดีขึ้นยัง”, “btc เด้งแล้วมั่งง”\n\nแล้วจะ “รู้” ห่าอะไร?\n\nแต่…. “พอรู้สึกตัว” เห้ยนี้เรากำลังจะมาโฟกัส มาสังเกตุ “ลม” หนิ \nมันกลับ auto ไป ที่ “ลม“ ทันที เรื่องอื่นๆดับหายไปหมดเลย\n\nเห้ย นั้นมัน “จิต” รึป่าววะ ที่คอยไปผสมกับสิ่งต่างๆ(เจตสิก52) นั้นนี้ เลยต้องมีหลักมัดไว้(ลมหายใจ) \n\nพอพิจารณาลมหายใจ ออก-เข้า\nพอสังเกตมากเข้าๆ \n\nลมหายใจออกเองก็ทุกข์ ลมหายใจเข้าก็ทุกข์ (พอถึงจังหวะหายใจออก ช่วงนึงก็รู้สึกถึง”สภาวะบีบคั้น”เลยต้องหายใจเข้า)\n\nชิบหายแล้วดัน “รู้” ทุกข์\n\nชักเริ่มพอจะรู้สึก“รู้”ที่ว่า แบบหยาบๆ หน่อยละ หากพิจารณาให้ละเอียดน่าจะเจอ (เหตุของทุกข์ จากการหายใจออก-เข้าต่อ)\n\nเราจัก เป็นผู้ระงับกายสังขาร หายใจออก \nเราจัก เป็นผู้ระงับสังกายสังขาร หายใจเข้า\nเราจัก ระงับการปรุง ของจิต เราจะมีสติรู้แต่ “ลม” (กาย)\n\n\nGM บัณฑิตทั้งหลาย \n\nพึงหาสติที่เหมาะสมกับจริตตน เจริญให้มาก เจริญให้บ่อย เจริญให้ชิน เพื่อเป็นเหตุให้คง สภาวะ “รู้” ตามความเป็นจริง เถิด",
"sig": "7ff6442eaf66958a36701b8cc62d6c9b2227b215b4bcd1b5255fa09eec26747f46154718ab411723e2a3846adc4c393908f5ff433e58a95c71cf7f8921410a02"
}