10 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก….
บางคนกว่าจะเข้าใจสิ่งที่เราพูด
ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้วเป็น 10 ปี
เพราะตอนที่เราพูดนั้น
ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเข้าใจได้
แต่สำหรับบางคนนั้นต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต
ก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ เมื่อดวงใจของเขานั้น
ถูกฉาบทาไปด้วยมายาคติ
ปลูกต้นไม้แล้วจะกินอะไร ?
กว่าจะได้ตัดขายไม่แก่ตายก่อนหรือ ?
ถ้าปลูกยางพาราป่านนี้ได้กรีดยางขายแล้ว ?
ถ้าปลูกผลไม้บางอย่างป่านนี้ได้เก็บขายแล้ว ?
ยิ่งบอกว่าไม่ได้คิดที่จะตัดต้นไม้ขาย
เว้นเสียแต่ว่าจะจำเป็นจริงๆ
แล้วจะปลูกไปทำไม ???
ในป่านั้นไม่ได้มีแค่ต้นไม้
ใต้ต้นไม้ก็ไม่ได้มีแค่ผืนดิน
พืชพันธุ์มากมายสรรพสัตว์หลากหลาย
ต่างพึ่งพิงพึ่งพาอาศัยกัน
จนกลายเป็นระบบนิเวศป่า
#วนเกษตร คืออะไร ?
#เกษตรเชิงนิเวศ คืออะไร ?
#ป่าสามอย่างป่าโยชน์สี่อย่าง คืออะไร ?
#ป่าเจ็ดระดับ คืออะไร ?
#เกษตรกรรมธรรมชาติ คืออะไร ?
ถ้าเข้าใจหลักใหญ่ใจความสำคัญ 5 ประการนี้
ท่านจะเสมือนดั่งเห็นจักรวาลครึ่งจักรวาล
ของการเกษตรกรรม
จากหลักการข้างต้น
ร้อยเรียงกันจะได้ประมาณว่า
สร้างวนเกษตร ด้วยการปลูกป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง ปลูกพืชให้หลากหลายถึงเจ็ดระดับชั้นให้เหมือนระบบนิเวศป่า ด้วยหลักเกษตรกรรมธรรมชาติ
“แล้วธรรมชาติจะทำงานแทนเรา”
พืชที่ปลูกร่วมสวนป่าได้มีมากมายหลากหลายชนิด ปศุสัตว์ที่เลี้ยงร่วมสวนป่าได้ก็มีมากมายหลากหลายชนิด กิจกรรมที่ทำต่อยอดจากสวนป่าได้ก็มีมากมายหลายชนิด สุดแท้แต่ความชอบ ความถนัด ความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสมของบริบทพื้นที่ และภูมิสังคม
ป่าเป็นโรงเรียนก็ได้
ป่าเป็นโรงอาหารก็ได้
ป่าเป็นโรงพยาบาลก็ได้
ป่าเป็นโรงแรมก็ได้
ป่าเป็นโรงงานผลิตปุ๋ยก็ได้
ป่าเป็นสวนสัตว์ก็ได้
ป่าเป็นพิพิธภัณฑ์ก็ได้
ป่าเป็นอะไรต่อมิอะไรได้อีกมากมายหลายสิ่งอย่าง มากมายเสียจนเราอาจจะจินตนาการไปไม่ถึง
มีสวนป่าก็เหมือนมีที่ดินแปลงงามกลางใจเมือง ไม่จำเป็นต้องขายที่ดินแปลงงามนั้น แค่หาวิธีเก็บดอกผลจากที่ดินแปลงนั้นก็เพียงพอแล้ว
ปลูกต้นไม้สร้างสวนป่าวนเกษตรนั้น
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้น
แม้เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกต้นไม้นั้น คือเมื่อ 10 20 ปีที่แล้ว แต่เวลาที่เหมาะสมรองลงมานั้นก็คือตอนนี้
แม้ว่าวันที่ท่านเริ่มต้นปลูกต้นไม้นั้น
คนรอบๆกายท่านจะไม่เข้าใจท่าน
แต่อีก 10 ปีข้างหน้าเขาอาจจะเข้าใจก็ได้
หรืออาจจะไม่เข้าใจอยู่ดี
แต่นั้นก็ ช่าง มัน เถอะ
ดอกไม้ป่าในภูลึกแม้ไม่มีคนเห็น
มันก็ยังโชยกลิ่นอบอวน...
#กวีนอนนา ผู้ไม่หิวแสงแต่ชอบ
แสดงกล้ามดาก
#วนเกษตร
#เกษตรเชิงวิเวศ
#เกษตรกรรมธรรมชาติ
#siamstr
สมัยปลูกต้นไม้สร้างสวนป่าแรกๆ ถือเป็นงานที่หนักมาก ทั้งปลูก ทั้งรดน้ำ ทั้งตัดหญ้า บางช่วงรดน้ำให้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ยันดึกดื่น ตี 1 ตี 2 บางช่วงตัดหญ้าให้ต้นไม้ยัน 2-3 ทุ่ม
จนเพื่อนฝูงหลายคนถามว่า จะต้องใช้เวลากี่ปีในการสร้างสวนป่าให้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ผมมักจะตอบเพื่อนฝูงว่า 15 ปี เรื่องสร้างสวนป่าน่าจะสำเร็จ แต่กว่าที่ทุกอย่างจะสมบูรณ์ดังที่คิดไว้ น่าจะใช้เวลา 30 ปี
เมื่อเพื่อนฝูงได้ยินว่าต้องใช้เวลา 15 ปี ในการสร้าง และ 30 ปีในการรอให้ป่าสมบูรณ์ ทั้งสีหน้า และแววตาของเพื่อนฝูงที่มีต่อผม ก็ค่อนข้างออกไปทางหาว่าผมเพี้ยนกันไปเสียหมด
สำหรับผมแล้ว การสร้างสวนป่าของผมนั้นเปรียบได้ดั่งการสร้างงานศิลปะชั้นสูง
15 ปีแรก การปลูกต้นไม้ต่างๆ ขุดแหล่งน้ำ ปรับแปลงนา คงเหมือนดั่งการทาสีฉากหลังและและวางองค์ประกอบต่างๆ ลงบนผืนผ้าใบ
15 -30 ปี หลัง การปลูกพืชต่างๆที่ปลูกร่วมสวนป่าได้ การเลี้ยงสัตว์ต่างๆที่เลี้ยงร่วมสวนป่าได้ กิจกรรม กิจการต่างๆ ที่ทำร่วมสวนป่าได้ เพื่อเป็นแหล่งสร้างรายได้ คงเสมือนดั่งการแต้มแต่งระเรงสีเก็บรายละเอียดให้ภาพวาดนั้นสมบูรณ์แบบ
30 ปี เป็นต้นไป คงเป็นการจัดนิทรรศการ
ให้ผู้คนได้มาดื่มด่ำกับสุนทรีรสแห่งงานศิลปะชั้นสูงชิ้นนี้
ระหว่างที่ผมกำลังโม้เย็บม้าอยู่นั้น
เสียงเพื่อนผมก็แทรกขึ้นมาว่า…
มึงจะจัดนิทรรศการให้คนมาดื่มด่ำอะไรของมึงยังไงวะ ?
อ่อ…เดี๋ยวพอต้นไม้โต จะสร้างที่พักกลางป่าสัก 7-8 หลัง ไว้ให้คนมาซั่มกันกลางป่า ซั่มกันไป ฟังเสียงนกเสียงเขียดไป ฟังเสียงลมเสียงใบไม้ไป ดอมดมกลิ่มหอมของดอกไม้ป่าไป
แล้วเพื่อนผมก็บอกว่า สุดยอดเลยเพื่อน มึงจะได้บุญเยอะเลยนะหนิ ที่ทำให้คนมีแฮง ทำให้คนมีความสูข
สร้างเจย์ดีเจ็ดชั้นถวายวัด ก็ไม่ได้บุญเยอะเท่ากับทำให้คนมีแฮงเด้อเพือนเอ๊ย….
แล้วสายตาของเพื่อนฝูงที่มองผมว่าเพี้ยนก็เปลี่ยนไป เหอะๆๆๆ 😂😂😂
แต่กว่าที่เขาจะเข้าใจก็ต้องใช้เวลา
เป็นธรรมดา….