หลังจากดูนิทานอิทซุปไปแล้ว
มาอ่านนิทานอีสปสักเรื่อง
quoting
naddr1qq…xk50คนเรามักจะเห็นคุณค่าของสิ่งใด ส่วนใหญ่ก็ใน ๒ สถานการณ์คือ หนึ่ง ตอนที่ยังไม่ได้มา หรือ สอง ตอนที่เสียไปแล้ว
อันนี้มันเป็นโศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้นกับผู้คนจำนวนมาก การที่คนเรามีสิ่งดีๆ แต่ว่าเราไม่เห็นคุณค่า เพราะว่าเรามองออกไปนอกตัว ไปเห็นแต่สิ่งที่ตัวเองไม่มี อยากจะได้มา
คล้ายๆ กับเรื่อง หมาคาบเนื้อในนิทานอีสป ตอนเด็กๆ เราคงจำได้ มีหมาตัวหนึ่งคาบเนื้อมา เนื้อชิ้นใหญ่เลย มันดีใจมากแล้วมันก็วิ่งไปยังที่ที่ มันจะได้กินเนื้ออย่างมีความสุข มีช่วงหนึ่งก็ต้องเดินข้ามสะพาน มันก็ชะโงกหน้าไปมองที่ลำธารหรือลำคลอง
ก็เห็นเงาตัวเอง เงานั่นมันก็ใหญ่ แล้วมันก็พบว่าในเงานั้น เนื้อในเงามันใหญ่กว่าเนื้อที่ตัวเองคาบ มันอยากได้เนื้อก้อนนั้นมากเลย เพราะว่ามันเป็นก้อนที่ใหญ่กว่า
มันก็เลยอ้าปาก เพื่อที่จะไปงับเนื้อในเงานั้น พอมันอ้าปาก ก็ปรากฏว่าเนื้อในปาก ก็หลุดตกลงแม่น้ำ แล้วเนื้อในเงานั้นก็หายไป เป็นอันว่าหมดเลย อดทั้ง 2 อย่าง .
ฉะนั้น คนเราถ้าหากเรา กลับมาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ เราจะมีความสุขได้ง่าย อาจจะไม่ใช่สิ่งของ อาจจะไม่ใช่ผู้คน แต่อาจจะเป็นสุขภาพของเรา
อาจจะได้แก่ ลมหายใจของเรา ที่ยังหายใจได้ปกติ รวมถึงการที่ เรายังเดินเหินไปไหนมาไหนได้ การที่เรายังมองเห็น การที่เรายังได้ยิน
หลายคนมีสิ่งนี้อยู่ในตัว แต่กลับไม่เห็นค่า และไม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี กลับไปมองว่า ฉันยังไม่มีโน่นยังไม่มีนี่ ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงิน
รู้สึกว่าทุกข์ระทมเหลือเกิน
ทำไมฉันจึงลำบากแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองก็มีสิ่งดีๆ ในตัว สุขภาพ ความปกติสุข อิสรภาพที่เดินไปไหนมาไหนได้
แต่กลับไม่เห็นค่า เพราะว่ามัวแต่ไปสนใจสิ่งที่ตัวเองยังไม่มี
ซึ่งเป็นอนาคต
ถ้าเราหันกลับมาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ แล้วก็ไม่ไปพะวงหรือให้ความสนใจกับสิ่งที่ยังไม่มี เราจะมีความสุขได้ง่าย อันนี้คือ ความหมายหนึ่งของการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
…
การทำปัจจุบันให้ดีที่สุด พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล