ผมมีเรื่องหนึ่งที่ suffer มาทั้งตลอด
ผมคุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
ก่อนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจโลก ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติที่คนเราแตกต่างกัน คนเรามีเรื่องที่สนใจไม่เหมือนกัน แต่มันก็แปลกเหมือนกันนะ ที่มีคนที่ชอบเรื่องเดียวกับเราอยู่น้อยเหลือเกิน
กลายเป็นเรารู้สึกเหมือนไม่ได้การยอมรับจากสังคม พอบ่อยครั้งเข้าบางทีการแสดงออกของเรามันดูเป็นการเรียกร้องความสนใจ
เสียงสะท้อนที่เพื่อนสมัยวัยรุ่นพูดถึงตัวผมก็คือ อารมณ์ร้อน พูดจาขวานผ่าซาก ขี้แอ๊ค ซึ่งมันก็จริง อัตตาเรามันสูงมาก ยิ่งไม่มีคนให้ค่าอัตตาเรา เรายิ่งเร่งมันเข้าไปอีก เป็นวัยรุ่นเกรียนๆคนนึงเลย มีเรื่องประจำ
เราไม่รู้ตัวเลยว่ามันเป็นการพยายามปกปิดปมในใจของเราเอง
ผมเริ่มคิดเรื่องนี้ได้บ้างก็สมัย ม.ปลายละ เพราะมันเหลือเพื่อนน้อยเหลือเกิน คนคุยกับเราเข้าใจน้อยเหลือเกิน
มันทำให้ตัวผมค่อยๆถอยตัวออกมาจากสังคม (จริงๆก็ไม่ได้ถอยหรอก คนรอบตัวเค้าค่อยๆถอยห่างออกไปมากกว่า) กลายเป็นอยู่กับตัวเองซะเยอะ แต่อัตตาของเราก็ไม่ได้ลดลงไปหรอก แค่เก็บมันเอาไว้
จนกระทั่งผมเข้ามหาลัย ผมเรียนสถาปัตย์ ผมเหมือนเจอที่ของผม ผมเหมือนได้กลับบ้าน เพื่อนเกือบทุกคนคุยเรื่องคล้ายๆกัน ชอบอะไรคล้ายกัน เข้าใจสิ่งที่เราสื่อสาร อัตตาของเราและเพื่อนๆเรากลายเป็นมีคนคอยรับรองให้ซึ่งกันและกัน
มันเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากจริงๆ เมื่อเรามีตัวตนจริงๆที่ไหนซักแห่ง มันไม่จำเป็นต้องพยามแสดงออกความเป็นตัวเราเพื่อให้คนอื่นยอมรับ เราเข้าใจกันจริงๆอย่างลึกซึ้ง
ผมกล้าพูดว่าผมแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนกับสมัยมัธยม มันก็น่าเสียใจอยู่นะ แค่เพราะเราไม่เข้าใจธรรมชาติคน มันส่งผลถึงพฤติกรรมของเรา ส่งผลให้เราทำอะไรโง่ๆในวัยรุ่นมากมาย
ที่เราเปลี่ยนได้ไม่รู้ว่าเพราะตกผลึกชีวิตได้ หรือบังเอิญได้อยู่ในที่ๆถูกต้อง
ผมรักเพื่อนสมัยมหาลัยของผมมาก เลข47 คือเลขรุ่นของผม รถทุกคันที่บ้านผม ทะเบียน47 แพงแค่ไหนฉันก็จ่าย ก็ฉันรักของฉัน(จริงๆไม่แพงนะ ซี้ กะ เจ๊ง มันไม่ค่อยมีใครเอา)
งานเลี้ยงรุ่นของชั้นปี ผมไม่มีทางพลาด แม้แต่หลายๆครั้งที่เพื่อนๆเจอกันแมทช์เล็กๆ ผมก็ยินดีขับรถเข้ากรุงเทพฯตอนเย็น นั่งคุยกันจนเช้า(โดยที่ผมไม่กินเหล้านะ) แล้วขับรถกลับชลบุรีมาทำงานต่อ
“ก็มันเป็นที่ของเราอะ”
ถ้าเราเสียที่ตรงนี้ไป มันจะส่งผลให้พฤติกรรมเราเปลี่ยนอีกมั้ยก็ไม่แน่ใจ
จริงๆทุกวันนี้ได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆกลุ่มนี้น้อยลง ความรู้สึกถึงการมีคนเข้าใจเรามันน้อยลงไปเรื่อยๆอีกแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะเราเป็นบิทคอยเนอร์ด้วย นับคนที่คุยกับผมรู้เรื่องได้เลย
เชื่อไหม วันที่ผมได้ไปงาน BTC2023 มันพาความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวเรา และยิ่งโดยเฉพาะในตอนที่ผมได้เข้ามาเดินในทุ่งม่วงนี้ด้วยแล้ว มันเหมือนเราได้กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง มันรู้สึกปลอดภัย มันรู้สึกเชื่อใจ มันรู้สึกว่านี่คือที่ที่ฉันมีที่ยืน
“คอมมูนิตี้บิทคอยเนอร์คือบ้านสำหรับผม
และผมมั่นใจว่าผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียว”
แล้วมันจะรู้สึกดีขนาดไหนถ้าเราได้มาเจอกัน เราได้คุยกันในเรื่องที่เราต่างก็หาคนคุยด้วยไม่ได้
มันต้องเหมือนได้ไปงานเลี้ยงรุ่นอีกครั้งแน่ๆ
มาเจอกันมั้ย
2-3 ธันวาคม (หรือใครเห็นเหมาะสมวันอื่นเสนอมาเลย)
ที่ไหนไม่รู้ ชลบุรี พัทยา ระยอง เดี๋ยวว่ากัน แต่สะดวกคนส่วนใหญ่แน่นอน (เสนอมาเลยกะดั้ย)
ขอแค่มากันเถอะนะ
“ใครมาได้ช่วยกันส่งเสียงหน่อย”
ถ้าพอรู้จำนวนคน เรื่องสถานที่ก็ง่ายละ หรือใครจะลังเลยังไงก็ยกมือกันมาก่อนก็ได้ จะได้ไม่มีสถานการณ์ที่ไม่พอ
งานนี้ไม่มีตัวตั้งตัวตีนะ ไม่มีกิจกรรมอะไรชัดเจน แค่นัดเจอกัน คุยกัน แต่เอาให้แบบตาแจ๊ตกะตาโจ้กลับไปเขียนรีวิวให้อ่านกัน 7 วัน 7 คืนก็ไม่จบ (รีวิวยังไงให้ยาวกว่างานจริง 555555)
ต้องขอเสียงทุกคนแล้วล่ะ ตลาดเสรีต้องทำงานแล้ว ถ้ารู้จำนวนคนคร่าวๆ เดี๋ยวมันต้องมีคนอยากเจอกันจัดๆช่วยเสนอสถานที่และประสานงานเอง
///////////////////////////////////////////
สรุปๆ เผื่อว่าฉันพาหลงประเด็น
Meet up ภาคตะวันออก
2-3 ธันวาคม
….ใครมาได้บ้างช่วยบอกหน่อย…
ตอบๆไปในเมนท์นี่แหละ เดี๋ยวฉันนับเอง
#ทีมตรู่
#coffeechain
#Siamstr
ปล.รูปงานเลี้ยงรุ่นปีล่าสุดของผม ธีมงานบาร์บี้ โคตรมัน เวลาได้อยู่กับกลุ่มคนที่คุยกันรู้เรื่องนี่มันดีจริง
ขอบคุณรูปจาก npub1awpy34s77plvg5jevvc7k2nmsf3jq43y6fl73pt5kfkyflte9m7stm0gk9 (npub1awp…0gk9)