GM #siamstr ผมพึ่งอ่านเล่มนี้จบ The Invisible Leader ผู้นำล่องหน ของเคน นครินทร์ ถ่ายทอดแนวคิด วิธีการของการเป็นผู้นำในยุคสมัยใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี “ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี แต่คือผู้นำที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมงาน” ผมเห็นว่ามีประโยชน์เลยอยากมาแชร์ครับ สรุปเนื้อหา ดังนี้
Part 1 Realize(สิ่งที่ผู้นำต้องตระหนัก)
- The 4Vs why(ตื่น(ไม่)รู้ ผู้นำจำเป็นตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย คือ Volatility (โลกมีความผันผวน), Velocity(โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างมีอัตรเร่ง), Value Shifts(โลกเปลี่ยนแปลงกระทบถึงคุณค่าทางสังคมสะท้อนจาก 5 ปรากฎการณ์ คือ Web3 ,Wealth ,Warming World, World Citizen และ Wellness,) Versus (การเปลี่ยนแปลงที่หาสมดุลใหม่ที่โลกเก่ากำลังล่มสลาย ระเบียบใหม่กำลังถูกก่อร่าง)
- The Invisible Leader(ผู้นำล่องหนที่ทุกคนเพรียกหา) ผู้นำที่คนจะยอมรับก็คือผู้นำที่เขาตระหนักว่า เขาทำเพื่อ We ไม่ใช่เพื่อ me และ เขาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตน ผู้นำคือผู้ผลักดันเบื้องหลังความสำเร็จ ผู้นำล่องหนอาจจะมองไม่เห็นแต่ไม่ใช่ไม่มีอยู่
- Technical Challenge VS Adaptive Challenge(ความท้าทายเปลี่ยนไป ผู้นำเปลี่ยนแปลง) ปัญหาท้าทายในปัจจุบันไม่สามารถแก้ได้โดยผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียว ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ผู้นำที่มีความอ่อนโยนและมีความเข้าใจจะสร้างอิทธิพลที่แข็งแกร่งได้ ต้องไม่คิดถึงแต่ตัวเอง แต่ต้องคิดเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
Part 2 Reset(สิ่งที่ผู้นำต้องทำกับตัวเอง)
- Embrace Change(โอบกอดความเปลี่ยนแปลง) ผู้นำต้องปลดล็อคการยึดติดในอดีตโดยใช้เทคนิค ดังนี้ เรียนรู้-ร่วมลอง-ลงมือ เพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจมัน เห็นศักยภาพว่าเราควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ไม่ใช่ก็เลิกได้ไม่ยึดติด, ยอมฉีกขาดเพื่อยืดขยาย เผชิญความผิดพลาดอย่างกล้าหาญ จำไว้ว่าเหนือกว่า Resillience คือ Antifragility ยอมฉีกขาดแตกสลาย แต่กลับมาอีกครั้งจะแข็งแกร่งกว่าเดิม
- Educate Continuously(เรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง) ให้เรียนรู้โดย ออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ให้กับตัวเอง ปรับเปลี่ยนความรู้ให้เท่าทันสถานการณ์โลกปัจจุบัน, ค้นหา วิธีการเรียนรู้ ที่เหมาะกับตนเอง ดูจาก สถานการณ์ จุดอ่อน จุดแข็งและความท้าทาย(SWOT) ที่คุณต้องเผชิญ และเลือกช่องทางเรียนรู้ที่ถูกจริตกับคุณ เช่น อ่านหนังสือ เข้าคอร์สอบรม, อย่ามองข้ามการเรียนรู้จากมวลชน ต้องพบปะผู้คน ฟังความคิดเห็นของตลาด มีภูมิปัญญาที่ล้ำค่าอยู่ในนั้นเสมอ
- Envision (ฟังตัวเอง อ่านโลก เขียนอนาคต) นิยามของ Vision คือ เข็มทิศไม่ใช่แผนที่ บอกทิศทางแต่ไม่ได้บอกวิธีการที่จะไปถึง, Vision ไม่ใช่ภารกิจ แต่คือเจตนารมณ์ที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน, Vision คือ ความหมกมุ่นของผู้นำ มันจะเป็นพลังที่ทำให้ผู้ตามเชื่อมั่นและพร้อมก้าวไปด้วยกัน, นำด้วย Vision ไม่ใช่อำนาจจากตำแหน่ง ต้องสร้างให้ทีมงานมีความศรัทธาใน Vision เพราะมันคือเป้าหมายของทีมงานเช่นกัน
- Enchance Strategy (ศาสตร์และศิลป์สู่ความสำเร็จ) กลยุทธ์ไม่ใช่วิสัยทัศน์, กลยุทธ์ไม่ใช่แผนงาน(เสียทีเดียว) กลยุทธ์ไม่ใช้การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม, กลยุทธ์ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เวลาที่คิดกลยุทธ์ ให้ระลึกไว้ว่า ที่คุณต้องเลือกเพราะทรัพยากรมีจำกัดต้องคิดให้รอบคอบว่าอะไรคือโซนเสี่ยง โซนแพ้ โซนกับดักและโซนชนะของคุณ, คุณต้องคิดเองสร้างเอง, ทำสิ่งที่สอดคล้องกับเทรนอนาคต..เมื่อมีกลยุทธ์ที่ดีแล้วก็ คิด(Think) วางแผน(Plan) และลงมือทำ(Act) ทันที!!
Part 3 Revive(สิ่งที่ผู้นำต้องทำกับทีม)
- Engage(สื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม) คนเราจะเชื่อใจใครได้ก็ต่อเมื่อ รู้ว่าเขาเป็นคนจริงใจ มีเหตุผลและปรารถนาดีต่อเรา เมื่อเขาเชื่อใจคุณแล้วให้ใช้เทคนิคดังนี้ ชี้แนะไม่ชี้นำ, เรียบง่ายไม่ซับซ้อน, รอบด้านไม่ใช่รอบตัว, ความรู้สึกไม่ใช่ความรู้ และเข้าใจไม่ใช่แค่เข้าถึง
- Empathize(เพราะเข้าถึงจึงเข้าใจ) เริ่มต้นสร้าง Empathy โดยเริ่มจากการฟัง แบ่งเป็น 5 ระดับคือ Ignoring(ไม่ฟัง), Pretend listening(แสร้งว่าฟัง), Selective Listening(เลือกฟังเฉพาะสิ่งที่สนใจ), Altentive listening(ฟังอย่างตั้งใจเพื่อหาข้อเท็จจริง), Empathtic listening (ฟังแล้วจับความรู้สึก อารมณ์ของผู้พูด เป็น Active listening) โดยเทคนิคฝึก Active Listening คือ ทำการบ้านไปก่อน, ฟังเพื่อเข้าใจไม่ใช่เพื่อตอบโต้, ทวนคำพูดสำคัญของเขาเป็นระยะๆ, ฝึกฝนอวัจนภาษา และอย่าตัดสิน(ฟังแล้วตัดสินคนพูด บทสนทนาจะจบลงทันที)
- Empower(หัวใจคือการให้อำนาจ) มีหลายรูปแบบ เช่น ผู้นำเป็นนักเต้นรำ(ก้าวนำ ก้าวตาม ก้าวข้าง ก้าวหน้า ก้าวหลัง), เจฟฟ์ เบโซส ใช้กฎพิซซ่า 2 ถาด(งานจะมีประสิทธิภาพที่สุดถ้าซอยทีมย่อย ประมาณ 6-8 คน ที่อิ่มด้วยพิซซ่า 2 ถาด), ผู้นำต้องคิดแบบสตาร์ทอัพ ทำแบบเอสเอ็มอี และมีระบบแบบมหาชน..มี 4 ขั้นตอนในการ Empower คือ กล้ามอบอำนาจ, กล้ายอมปล่อยให้ผิดพลาด, กล้าลงทุนในทรัพยากรที่เขาควรได้และกล้ายอมรับผิดมากกว่ารับชอบ
- Energize(พลังของผู้นำคือพลวัตของทีม)มี 3 เสาหลัก คือ ร่างกาย(จิตใจที่แข็งแกร่งย่อมอยู่ในสุขภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ), จิตใจ(ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ มีสำเร็จก็มีล้มเหลว ล้มแล้วลุกพาทีมงานเดินต่อ), ความสัมพันธ์(สัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้างจะทำให้เรามีความสุข อย่ามุ่งไล่ล่าแต่เป้าหมายเพราะความสำเร็จนั้นจะไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนที่มีความหมายในชีวิตคุณได้เลย)
Part 4 Reform(ผู้นำต้องทำให้โลกดีขึ้น)
- Beyond Profit(คิดให้ไกลกว่าผลกำไร) ปลูกฝังสำนึกในเรื่อง โลกทั้งใบคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่เน้นProfit(ผลกำไร)สูงสุดแต่ต้องสร้างประโยชน์สูงสุดกับ People และ Planet, สำนึกในความรุนแรงของปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม(ความเหลื่อมล้ำลดได้โดย เก็บภาษีทั่วถึง, ช่วยให้ทุกคนสู้กันได้,ทรัพยากรใดมีจำกัดก็ต้องจำกัดมัน, คนทำผิดเหมือนกันต้องรับโทษเหมือนกัน)
- Sustainable Mind (จุดยืน-หยัดยืน-ยั่งยืน) สร้างความยั่งยืนของส่วนรวมเป็นหนึ่งในโจทย์ของธุรกิจตน ไม่ใช่แค่ทำ CSR เท่านั้น, เปลี่ยนแปลงในส่วนที่ทำได้เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนส่วนรวม, ล้มและเลิกสิ่งที่สานต่อวงจรความเหลื่อมล้ำหรือการทำลายสังคมและโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม
ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ยาวหน่อยนะครับ😅….คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับใครที่ต้องบริหารทีมงานในยุคนี้นะครับ🙏❤️