Why Nostr? What is Njump?
2024-08-31 08:08:37

Right Shift on Nostr: ...

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมบิตคอยน์ถึงปลอดภัย? ทำไมคนถึงยอมทุ่มเงิน ทุ่มเวลา ทุ่มพลังงานไปกับการขุดบิตคอยน์กันมากขนาดนี้?



คำตอบง่ายๆ ก็คือ "Proof of Work" หรือ "POW" นี่แหละครับ มันคือหัวใจสำคัญที่ทำให้บิตคอยน์แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ

ในหนังสือได้อธิบายภาพการขุดบิตคอยน์ไว้ว่า มันเหมือนกับการเล่นล็อตเตอรี่ที่คุณต้องขุดตั๋วขึ้นมาเอง โดยใช้พลังงานจากคอมพิวเตอร์

งงใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง.. ผมจะอธิบายให้ฟังแบบเห็นภาพ เข้าใจง่ายๆ ตามสไตล์ Inventing Bitcoin

ลองนึกภาพ.. กล่องดนตรีที่บรรจุลูกเต๋าเอาไว้มากมายมหาศาล เยอะจนนับไม่ถ้วน เยอะเท่ากับจำนวนอะตอมในจักรวาลเลยก็ว่าได้ แต่ละด้านของลูกเต๋ามีตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน ตัวเลขเหล่านี้เราเรียกว่า "hash"

แล้ว "hash" มันคืออะไรล่ะ?

มันก็คือผลลัพธ์ที่ได้จากการนำเอาข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลธุรกรรม บิตคอยน์ มายำรวมกัน แล้วผ่านสูตรลับทางคณิตศาสตร์ ที่เรียกว่า "hash function" ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวเลขที่ดูเหมือนสุ่มและมีความยาวคงที่

ทุกครั้งที่คนขุดบิตคอยน์ ก็เหมือนกับการหมุนกล่องดนตรีแล้วปล่อยให้ลูกเต๋าในกล่องกลิ้งไปมา คอมพิวเตอร์จะทำการสุ่มตัวเลขขึ้นมา แล้วเอาไปรวมกับข้อมูลธุรกรรม และเอาผลลัพธ์ที่ได้ ไปผ่าน hash function

แต่การจะชนะล็อตเตอรี่บิตคอยน์ได้ hash ที่ได้จากลูกเต๋า ต้องน้อยกว่าเลขเป้าหมายที่ระบบบิตคอยน์กำหนดไว้

"เลขเป้าหมาย" นี้ มันจะถูกปรับขึ้นลงตามความยากง่ายในการขุดบิตคอยน์

ถ้ามีคนหมุนกล่องดนตรีเยอะ ระบบก็จะปรับให้เลขเป้าหมายเล็กลง ทำให้ยากขึ้น เหมือนกับการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น

ถ้ามีคนหมุนกล่องดนตรีน้อย ระบบก็จะปรับให้เลขเป้าหมายใหญ่ขึ้น ทำให้ง่ายขึ้น เหมือนกับการแข่งขันที่ผ่อนคลายลง

ทีนี้.. การหมุนกล่องดนตรีแต่ละครั้ง มันต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการคำนวณ ยิ่งหมุนเยอะ ยิ่งใช้พลังงานเยอะ และยิ่งยากที่จะชนะ

นั่นหมายความว่า.. คนที่ขุดบิตคอยน์ ได้ต้องใช้พลังงานและเงินจำนวนมาก

การคนที่ยอมทุ่มเทขนาดนี้ ก็เพราะว่ารางวัลของการชนะล็อตเตอรี่บิตคอยน์มันคุ้มค่ามาก เหมือนกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่นั่นแหละครับ

นอกจากนี้.. ผู้ชนะยังได้สิทธิ์ในการบันทึกข้อมูลธุรกรรมลงในบล็อกเชน ซึ่งเปรียบเสมือนสมุดบัญชีที่บันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดของบิตคอยน์

แล้วทำไมต้องทำให้มันยากขนาดนั้น?

ก็เพราะว่าถ้าใครๆ ก็ขุดบิตคอยน์ ได้ง่ายๆ ระบบมันก็จะไม่ปลอดภัยสิ! คนไม่ดี อาจจะใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากมาปลอมแปลงข้อมูล ขโมยบิตคอยน์หรือทำลายระบบได้

Proof of Work มันเลยเป็นเหมือนกำแพงที่แข็งแกร่ง ที่คอยป้องกันบิตคอยน์จากคนไม่ดี เพราะการจะทำลายกำแพงนี้คุณต้องใช้พลังงานมหาศาล ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย

และ...

Proof of Work ไม่ได้มีแค่ในโลกบิตคอยน์เท่านั้นนะครับ ในชีวิตจริงของเราก็มี Proof of Work ในอีกนัยยะหนึ่งด้วยเหมือนกัน

มันคือ “บทพิสูจน์” ของการลงมือทำ การทำงานหนัก การสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและคนรอบข้าง มันคือการทุ่มเทอย่างหนักหน่วง สั่งสมประสบการณ์และผลงานจนกลายเป็น "บทพิสูจน์" ที่จับต้องได้

ยกตัวอย่างเช่น..

นักกีฬา ที่ฝึกซ้อมหนักทุกวัน จนได้เหรียญทองโอลิมปิก เขาทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และเวลา ผ่านการฝึกฝน การแข่งขัน และบาดแผลมากมายกว่าจะคว้าชัยชนะมาได้ เหรียญทอง คือ Proof of Work ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จของเขา

ศิลปิน ที่วาดรูปเป็นพันๆ ภาพ จนมีชื่อเสียงระดับโลก เขาสั่งสมฝีมือผ่านการลองผิดลองถูก การฝึกฝน และแรงบันดาลใจ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผลงานศิลปะ คือ Proof of Work ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและความสามารถของเขา

โปรแกรมเมอร์.. ที่เขียนโค้ดเป็นล้านๆ บรรทัด จนสร้างแอปพลิเคชั่น ที่เปลี่ยนแปลงโลก เขาใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความอดทนในการแก้ปัญหา และพัฒนาโปรแกรมจนสำเร็จ แอปพลิเคชั่น คือ Proof of Work ที่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความมุ่งมั่นของเขา

และอีกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด.. ก็คือคนในภาพของโพสต์นี้นั่นเอง (เพื่อนๆ คิดว่า POW ของ อ.พิริยะ คืออะไรกันบ้างครับ? 😀)

พวกเขาเหล่านี้ล้วนมี Proof of Work เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ มันไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ แต่มันคือ "บทพิสูจน์" ของการเดินทาง การต่อสู้ และการเติบโต

Proof of Work มันเจ๋งมากเลยใช่ไหมล่ะครับ?

ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ลึกกว่านี้ อยากรู้ว่า Proof of Work ในบิตคอยน์มันทำงานยังไง มันสร้างความปลอดภัยให้กับระบบได้ยังไง และมันเชื่อมโยงกับโลกของเราในรูปแบบไหน?

ลองไปหาหนังสือ Inventing Bitcoin มาอ่านดูครับสิ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ปล. Proof of Work ในความหมายที่สองนี้ มันสามารถสร้างเป็น Legacy ส่งต่อกันได้ ถ้าอยากอ่านเรื่องนี้ ยกมือกันไว้ได้เลยฮะ 😉

/ #Siamstr
Author Public Key
npub1ejn774qahqmgjsfajawy7634unk88y26yktvwuzp9kfgdeejx9mqdm97a5