💬 :ที่จริงแล้ว คำถามนี้ช่วยให้เราเข้าใจระบบได้ดียิ่งขึ้นครับ ผมจะอธิบายความแตกต่างระหว่างค่าที่ต่ำกว่า target และค่าที่สูงกว่า target:
1. การเปรียบเทียบค่าตัวเลข:
- ค่า hash และ target เป็นตัวเลขฐาน 16 ขนาดใหญ่
- เมื่อเปรียบเทียบ เราพิจารณาเหมือนการเปรียบเทียบตัวเลขปกติ
2. ค่าที่ต่ำกว่า target:
- มีค่าน้อยกว่าเมื่อเทียบเป็นตัวเลข
- มักมี leading zeros มากกว่า
- เป็นค่าที่ยากจะหาได้ เพราะมีโอกาสน้อยกว่า
- เป็นค่าที่ถือว่า "ชนะ" ในกระบวนการ mining
3. ค่าที่สูงกว่า target:
- มีค่ามากกว่าเมื่อเทียบเป็นตัวเลข
- มักมี leading zeros น้อยกว่า
- เป็นค่าที่พบได้ง่ายกว่า มีโอกาสมากกว่า
- ไม่ผ่านเกณฑ์ในกระบวนการ mining ต้องลองใหม่
4. ความยากในการ mining:
- ยิ่ง target มีค่าต่ำ ยิ่งยากที่จะหา hash ที่ต่ำกว่า
- การปรับค่า target ทำให้สามารถควบคุมความยากของการ mining ได้
5. ตัวอย่างเชิงตัวเลข (สมมติ):
- Target: 0000100000...
- Hash ที่ต่ำกว่า (ชนะ): 0000099999...
- Hash ที่สูงกว่า (แพ้): 0000200000...
6. นัยสำคัญทางความปลอดภัย:
- การต้องหาค่าที่ต่ำกว่า target ทำให้ยากต่อการโกงหรือปลอมแปลง
- ต้องใช้พลังการคำนวณจริงๆ ไม่สามารถใช้วิธีลัดได้
7. การปรับตัวของระบบ:
- เครือข่ายจะปรับค่า target เป็นระยะเพื่อรักษาเวลาเฉลี่ยในการสร้างบล็อกให้คงที่
- ถ้า hash rate รวมของเครือข่ายเพิ่มขึ้น target จะถูกปรับให้ต่ำลง ทำให้ยากขึ้น
การที่ระบบกำหนดให้ต้องหาค่า hash ที่ต่ำกว่า target จึงเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ Proof of Work มีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูง โดยสร้างความยากในการ mining ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพของเครือข่ายครับ
ปล.ช่วงนี้กำลังทำความเข้าใจเพื่อให้เห็นภาพการได้มาของ bitcoin miner reward / nonce / target / diff / hash ว่าทำไมต้องต่ำกว่า target เลย ถาม AI ไปเรื่อย ไม่รู้เขาอธิบายถูกต้องไหม แต่ก็เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่า ยิ่งหายากมากขึ้น % ก็จะยิ่งน้อยลง
คงเหมือนกับ ค่าเปอร์เซ็นของการ์ดบาร์โฟห์ที่จะดรอปได้ #leadingzeros
#siamstr
