Why Nostr? What is Njump?
2025-03-12 01:17:08

journaling_our_journey on Nostr: คู่รักจำนวนมากมองว่า 1+1 = 2 ...



คู่รักจำนวนมากมองว่า 1+1 = 2 ไม่ใช่ 1+1 = 1
.
กล่าวคือ แม้พวกเขาจะเป็นแฟนกัน แต่พวกเขาไม่ต้องการให้ชีวิตของตัวเองและแฟน “หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง”
.
พวกเขายังอยากที่จะมีชีวิตของตัวเองที่แยกต่างหากออกจากแฟน และพวกเขาก็อยากให้แฟนมีชีวิตของแฟนเองที่แยกต่างหากออกจากพวกเขา
.
เพียงแต่ว่า แม้ต่างคนจะต่างมีชีวิตของตัวเอง แต่พวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่มาอยู่ด้วยกัน มามีปฏิสัมพันธ์กัน มาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันด้วย
.
มุมมองลักษณะนี้คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงปัญหา “พึ่งพากันมากเกินไป” ที่เกิดขึ้นกับคู่รักจำนวนไม่น้อย
.
ปัญหา “พึ่งพากันมากเกินไป” เกิดขึ้นเวลาที่คู่รักไม่เพียงแค่คาดหวังให้แฟนเป็นเพียงแค่แฟนเท่านั้น แต่ยังคาดหวังให้แฟนเป็นเพื่อนสนิท เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นนักจิตวิทยา เป็นไกด์นำเที่ยว เป็นช่างประปา เป็นคนขับรถ และอื่นๆอีกด้วย
.
แน่นอนครับว่า แฟนแต่ละคนอาจจะ “รับบท” ได้หลายบทบาทก็จริง (เช่น เป็นทั้งแฟน เพื่อนสนิท และช่างประปา) แต่หากความคาดหวังมันอยู่ในระดับที่ “มากเกินไป” มันก็ยากจริงๆครับที่คนๆหนึ่งจะ “รับบท” ได้เยอะขนาดนั้น
.
มุมมอง 1+1 = 2 จึงเข้ามาช่วยป้องกันหรือลดทอนปัญหา “พึ่งพากันมากเกินไป” นี้ได้ เพราะถ้าทั้งเราและแฟนต่างก็มีชีวิต (และสังคม) เป็นของตัวเอง โอกาสที่เราและแฟนจะคาดหวังให้อีกฝ่าย “รับบท” เยอะๆก็จะน้อยลง
.
อย่างไรก็ตาม หากเรา “สุดโต่ง” กับมุมมอง 1+1 = 2 มากเกินไป มุมมองนี้ก็สามารถสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาในความสัมพันธ์ได้เหมือนกัน
.
ปัญหาใหม่นี้คือปัญหา “disconnect”
.
มันคือการที่ทั้งเราหรือแฟน (หรืออาจจะทั้งคู่) ต่างทุ่มเทเวลาให้กับชีวิต (และสังคม) ของตัวเองมากจนไม่มีเวลาเหลือ (หรือแทบจะไม่มีเวลาเหลือ) ให้กับกันและกันอีกต่อไป
.
มันสามารถทำให้ทั้งเราหรือแฟน (หรืออาจจะทั้งคู่) เกิดความคิดขึ้นมาในใจว่า “มีแฟนก็เหมือนไม่มี” ซึ่งอาจนำมาสู่การเลิกรากันในท้ายที่สุดได้
.
ด้วยเหตุนี้ แม้มุมมองต่อความรักแบบ 1+1 = 2 จะเป็นมุมมองที่ดีและสามารถแก้ไข (หรือลดทอน) ปัญหา “พึ่งพากันมากเกินไป” ได้ แต่หากคู่รักยึดมุมมองนี้แบบสุดโต่ง มันก็สามารถทำให้ความรัก “ถึงทางตัน” ได้เช่นกันครับ

#จิตวิทยา #siamstr
Author Public Key
npub1kmuax8ezgue2zz8z9mhpjgr5x83584g5fqlqlp42048hez4sjp8sz7wk8n