(On Listening Without Judgement.)

เสียงในหัวเรา...ไม่เคยเงียบ
ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
มันกำลังบอกกับคุณว่า..
"เขาทำไมเป็นแบบนั้น?"
"เธอนี่น่ารำคาญ"
"แบบนี้ไม่โอเคนะ"
และในขณะเดียวกัน เสียงอีกฝั่งก็กระซิบว่า.. "อย่าคิดแบบนั้นสิ"
"ใจดีหน่อย"
"อย่าไปตัดสินเขา"
เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเสียงพวกนี้
แต่เราค่อย ๆ สะสมมันมาตลอดชีวิต
เสียงของพ่อแม่ เสียงของโรงเรียน
เสียงของศาสนา วัฒนธรรม ความกลัว ฯลฯ
จนวันหนึ่ง เราไม่ได้ “ฟัง” โลก
แต่เราฟัง ผ่านฟิลเตอร์ ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราใส่มันไว้
แล้วฟิลเตอร์แห่งการตัดสินคืออะไร?
การตัดสิน...ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
มันคือฟังก์ชันพื้นฐานของสมองที่ช่วยเรารอดในหลายสถานการณ์
แต่เมื่อมันกลายเป็นอัตโนมัติ
กลายเป็นเครื่องจักรที่ “สแกนคน” แล้ว “ใส่ป้าย” ภายใน 2 วิ
มันก็ไม่ได้ช่วยเราเข้าใจใครมากขึ้น
มันแค่ทำให้เรายืนห่างออกไปอีกนิด...ทุกครั้ง
การฟังแบบ “ไม่ตัดสิน” คืออะไร?
มันไม่ใช่การฝืนใจตัวเองให้คิดว่า “เขาดีนะ”
ไม่ใช่การต้องเห็นด้วยกับทุกคน
มันคือการฟังด้วยหัวใจที่ “ไม่รีบตีตรา”
มันคือการยอมรับว่า..
“นี่คือสิ่งที่เขาเป็น...ในขณะที่ฉันเองก็ยังเปลี่ยนแปลงได้”
เราเริ่มจากการ “ได้ยิน” เสียงในหัวตัวเองก่อน
พอเรารู้ว่ามันกำลังวิจารณ์ใครอยู่
เราไม่ต้องด่าเสียงนั้น
แค่ “นั่งอยู่กับมัน” อย่างอ่อนโยน
แล้วเราจะเริ่มเห็นว่า
บางความคิด...ไม่ได้มาจากเรา
มันคือ “เสียงของอดีต” ที่เรารับมาทั้งชีวิต
เราเลือกจะเชื่อมันหรือไม่...วันนี้
เป็นเรื่องของเรา
บางคนอาจไม่ต้องการให้คุณเห็นด้วย
เขาแค่ต้องการให้คุณ ไม่รีบตัดสินเขา
และบางที...
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ที่จะเปลี่ยนบางอย่างไปตลอดกาล
// ตัวอย่างสถานการณ์ "การฟังแบบไม่ตัดสิน"
สถานการณ์ 1 - เมื่อเพื่อนเล่าเรื่องงานที่ตัวเองมั่นใจว่า “ดีที่สุด”
สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวทันที..
“เวอร์ไปหรือเปล่า?”
“ฟังดูไม่ได้เก่งขนาดนั้นเลย”
“ทำตัวเด่นอีกแล้ว”
แต่คุณไม่พูดมันออกมา
และแทนที่จะเถียงในหัวหรือฝืนชมแบบไม่จริงใจ
คุณลองทำแบบนี้..
คุณหายใจเข้าเบาๆ แล้วพูดว่า
“เออ... ฟังดูเหมือนนายตั้งใจกับมันมากเลยนะ เล่าอีกหน่อยได้ไหมว่าอะไรทำให้นายรู้สึกว่าอันนี้คือ 'ดีที่สุด'?”
ผลลัพธ์..
เพื่อนคุณรู้สึกว่าเขา “ปลอดภัย” ที่จะพูดต่อ
ไม่ต้องป้องกันตัว ไม่ต้องรีบอธิบาย
และคุณ...ได้ฟังสิ่งที่ลึกกว่า “แค่เนื้อหา”
คุณได้ฟัง "หัวใจ" ของเขา
สถานการณ์ 2 - คนที่คุณไม่ชอบแสดงความคิดเห็นในห้องประชุม
เสียงในหัว..
“มาอีกละ... พูดไร้สาระอีกแล้ว”
“แค่จะโชว์ว่าตัวเองมีความคิด”
แต่แทนที่จะปิดกั้นทันที
คุณลองฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างเต็มๆ โดย “ไม่แทรก”
แล้วจดสิ่งที่เขาพูดไว้.. โดยยังไม่ต้องตัดสินว่า ดีหรือแย่
หลังประชุมจบ
คุณย้อนดูบันทึก แล้วลองถามตัวเองว่า
“ในสิ่งที่เขาพูด มีอะไรที่ฉันยังไม่เคยคิดมาก่อนไหม?”
แม้จะเป็นเพียง 1%... ก็พอ
สิ่งที่เกิดขึ้น..
คุณเริ่ม “ปลดล็อก” ความเชื่อที่ว่าคน ๆ นี้ไม่มีค่า
และในบางจุด...คุณอาจพบว่า
เสียงในหัวที่ด่วนตัดสินเขา
มันเป็น เงา ของบางสิ่งในตัวคุณเอง
สถานการณ์ 3 - ฟังเสียงของตัวเอง
คุณกำลังตัดสิน...ตัวเอง
“พูดไม่ดีเลยเมื่อกี้”
“น่าเบื่อจริงๆ เราเนี่ย”
“ไม่มีใครสนใจฉันหรอก”
ฝึกฟังแบบไม่ตัดสินกับตัวเอง..
หยุดสังเกตเสียงนั้นสักครู่
ไม่ใช่เพื่อบอกมันว่า “หยุดพูด”
แต่เพื่อมองมันด้วยความอ่อนโยน ว่า...
“อ๋อ... เสียงนี้มันมาจากตอนเรายังเด็ก”
“เสียงนี้มาจากวันนั้นที่ใครบางคนพูดว่าเรา ‘ไม่ดีพอ’”
แล้วคุณก็นั่งอยู่กับมัน
ไม่ผลักไส ไม่กลัว ไม่ตามมันไป
ผลลัพธ์..
เสียงนั้นยังอยู่
แต่มันไม่ได้ควบคุมคุณอีกต่อไป
#เบียวความเงียบ
#Siamstr