KORSiroj on Nostr: บทความจาก อ.นิรันดร์ ...
บทความจาก อ.นิรันดร์ ที่กล่าวถึงว่า
#bitcoin จะมีมูลค่าได้อย่างไร?
มันขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง?
การที่ "สินทรัพย์จะมี value" ได้นั้นจะต้องมีจำนวนจำกัด (หรือเรียกอีกมุมว่า scarcity) และ trust
ทองคำในอดีต มีทั้ง scarcity และ trust
รูปภาพของ Van Gogh ในช่วงที่เค้ายังมีชีวิตนั้นมี scarcity แต่ก็ขายไม่ได้ราคา ไม่มีใครยอมซื้อเพราะขาด trust
แต่หลังจาก Van Gogh ตาย ยุคหลังรูปภาพของเค้ามี scarcity และก็มี trust ด้วย ราคาเลยพุ่งทะลุร้อยล้านดอลล่าร์ (ปรับตามเงินเฟ้อ)
ส่วนเงินดอลล่าร์ก่อนล้ม bretton woods ก็มีทั้ง scarcity (จากการอิงกับทองคำ) และ trust
ส่วนเงินดอลล่าร์ยุคนี้ มีปัญหาคือไม่ scarcity แล้ว (เพราะ QE หนัก แต่คนส่วนใหญ่ไม่รับรู้) แต่ trust ยังคงอยู่
ผมเคยเล่าให้ฟังว่าในยุคสมัยที่โรมันเรืองอำนาจ ทองคำถูกใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน และเหรียญทองคำของโรมันถูกนำไปใช้แพร่หลายถึงประเทศอินเดีย
คนอินเดีย trust เหรียญทองคำจากโรมันมาก จนไม่ยอมใช้ทองคำของประเทศตัวเอง (ทั้งๆ ที่มันก็ทองเหมือนกัน) trust มากถึงขนาดไปทำเหรียญทองคำโรมันของปลอมออกมา คือใช้ทองคำจริง แต่ไปปั้มรูปกษัตริย์โรมันลงในเหรียญทองคำของอินเดีย เพื่ออยากให้คนเชื่อถือ..
ตัวทองคำเอง มี scarcity แต่เหรียญทองคำโรมัน กลับมี trust มากกว่าทองคำทั่วไป
คนอินเดียจึงให้ value เหรียญทองคำโรมัน มากกว่าทองคำอินเดีย
scarcity (ในบางสินทรัพย์) ก่อให้เกิด trust และ trust ก่อให้เกิด value
แต่ถ้า trust หาย value ก็หาย แม้ scarcity จะยังคงอยู่
แต่ถ้าคิดในแง่มุมกลับครับ สินค้าที่มีจำนวนไม่จำกัด จะยังคงมี value หรือไม่ ?
ลองดูสินค้าจำพวก soft commodity อย่างข้าวโพด น้ำตาล กาแฟล่ะ
สินค้าเหล่านี้มีจำนวนไม่จำกัด เพราะปลูกเพิ่มได้เรื่อยๆ แต่กลับกันมี demand ความต้องการบริโภคอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้น ถึงมันจะผลิตได้ไม่จำกัด แต่เมื่อ demand > supply มันก็จะมี value เสมอ
ดังนั้น value มันไม่ได้มาจากการที่มีจำนวนจำกัด หรือ limited supply เสมอไป
มันมี value จากการที่มี high demand ด้วย
limited supply but no demand >> no value
unlimited supply but high demand >> high value
พูดมายืดยาว ตัว Bitcoin เอง การ halving ช่วง Q2 นี้ จะทำให้ supply ใหม่ลดลงอีก คนก็เชื่อกันว่า เฮ้ย ขุดยากขึ้นเท่าตัว ราคาต้องพุ่งแน่ๆ
halving >> limited supply แต่สุดท้ายคำตอบว่าราคาจะวิ่งหรือไม่ ต้องมาดูว่า high demand มันมาจริงหรือเปล่า
ผมคาดการณ์ว่า halving รอบนี้อาจจะไม่เหมือนรอบก่อนๆ เพราะประเด็นคือ demand อาจจะจำกัด จากเม็ดเงินบนโลก ที่ไม่ได้คล่องตัวเหมือนยุคดอกเบี้ยต่ำ FED ก็ยังคงทำ QT เศรษฐกิจโลกก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ
ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ารอบนี้ราคา Bitcoin มีโอกาสแปรผันตาม money supply ของ FED มากกว่า halving และ Bitcoin อาจจะกลับสู่ภาวะกระทิง ในกรณีที่ FED ลดดอกเบี้ย และกลับลำมาเริ่ม QE ใหม่อีกรอบ
#siamstr
Published at
2024-02-05 12:20:51Event JSON
{
"id": "aae64c0588832bc6853a3b129f2df389cd06c89dff3c6b4f84ae7184cb2ca2c5",
"pubkey": "3f0c3a6bc0f34fb7a6daee67e2dfae8532122e8e3981508b998fd53a79f5e8d0",
"created_at": 1707135651,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"bitcoin"
],
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "บทความจาก อ.นิรันดร์ ที่กล่าวถึงว่า\n#bitcoin จะมีมูลค่าได้อย่างไร?\nมันขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง?\n\nการที่ \"สินทรัพย์จะมี value\" ได้นั้นจะต้องมีจำนวนจำกัด (หรือเรียกอีกมุมว่า scarcity) และ trust\n\nทองคำในอดีต มีทั้ง scarcity และ trust\n\nรูปภาพของ Van Gogh ในช่วงที่เค้ายังมีชีวิตนั้นมี scarcity แต่ก็ขายไม่ได้ราคา ไม่มีใครยอมซื้อเพราะขาด trust\n\nแต่หลังจาก Van Gogh ตาย ยุคหลังรูปภาพของเค้ามี scarcity และก็มี trust ด้วย ราคาเลยพุ่งทะลุร้อยล้านดอลล่าร์ (ปรับตามเงินเฟ้อ)\nส่วนเงินดอลล่าร์ก่อนล้ม bretton woods ก็มีทั้ง scarcity (จากการอิงกับทองคำ) และ trust\n\nส่วนเงินดอลล่าร์ยุคนี้ มีปัญหาคือไม่ scarcity แล้ว (เพราะ QE หนัก แต่คนส่วนใหญ่ไม่รับรู้) แต่ trust ยังคงอยู่\n\nผมเคยเล่าให้ฟังว่าในยุคสมัยที่โรมันเรืองอำนาจ ทองคำถูกใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน และเหรียญทองคำของโรมันถูกนำไปใช้แพร่หลายถึงประเทศอินเดีย\n\nคนอินเดีย trust เหรียญทองคำจากโรมันมาก จนไม่ยอมใช้ทองคำของประเทศตัวเอง (ทั้งๆ ที่มันก็ทองเหมือนกัน) trust มากถึงขนาดไปทำเหรียญทองคำโรมันของปลอมออกมา คือใช้ทองคำจริง แต่ไปปั้มรูปกษัตริย์โรมันลงในเหรียญทองคำของอินเดีย เพื่ออยากให้คนเชื่อถือ..\n\nตัวทองคำเอง มี scarcity แต่เหรียญทองคำโรมัน กลับมี trust มากกว่าทองคำทั่วไป\n\nคนอินเดียจึงให้ value เหรียญทองคำโรมัน มากกว่าทองคำอินเดีย\nscarcity (ในบางสินทรัพย์) ก่อให้เกิด trust และ trust ก่อให้เกิด value\nแต่ถ้า trust หาย value ก็หาย แม้ scarcity จะยังคงอยู่\n\nแต่ถ้าคิดในแง่มุมกลับครับ สินค้าที่มีจำนวนไม่จำกัด จะยังคงมี value หรือไม่ ?\n\nลองดูสินค้าจำพวก soft commodity อย่างข้าวโพด น้ำตาล กาแฟล่ะ\nสินค้าเหล่านี้มีจำนวนไม่จำกัด เพราะปลูกเพิ่มได้เรื่อยๆ แต่กลับกันมี demand ความต้องการบริโภคอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้น ถึงมันจะผลิตได้ไม่จำกัด แต่เมื่อ demand \u003e supply มันก็จะมี value เสมอ\n\nดังนั้น value มันไม่ได้มาจากการที่มีจำนวนจำกัด หรือ limited supply เสมอไป\n\nมันมี value จากการที่มี high demand ด้วย\n\nlimited supply but no demand \u003e\u003e no value\nunlimited supply but high demand \u003e\u003e high value \n\nพูดมายืดยาว ตัว Bitcoin เอง การ halving ช่วง Q2 นี้ จะทำให้ supply ใหม่ลดลงอีก คนก็เชื่อกันว่า เฮ้ย ขุดยากขึ้นเท่าตัว ราคาต้องพุ่งแน่ๆ\n\nhalving \u003e\u003e limited supply แต่สุดท้ายคำตอบว่าราคาจะวิ่งหรือไม่ ต้องมาดูว่า high demand มันมาจริงหรือเปล่า \n\nผมคาดการณ์ว่า halving รอบนี้อาจจะไม่เหมือนรอบก่อนๆ เพราะประเด็นคือ demand อาจจะจำกัด จากเม็ดเงินบนโลก ที่ไม่ได้คล่องตัวเหมือนยุคดอกเบี้ยต่ำ FED ก็ยังคงทำ QT เศรษฐกิจโลกก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ\n\nส่วนตัวแล้วผมคิดว่ารอบนี้ราคา Bitcoin มีโอกาสแปรผันตาม money supply ของ FED มากกว่า halving และ Bitcoin อาจจะกลับสู่ภาวะกระทิง ในกรณีที่ FED ลดดอกเบี้ย และกลับลำมาเริ่ม QE ใหม่อีกรอบ\n\n#siamstr",
"sig": "6936a6bce54b10de0a327f3949bb58e3a0f5e70382e6c19f53538b8460a52efea5f4e489f48f21619eea25df5aaeea381e40e4d773d72321b5f0045fbd56ec60"
}