Evil Ocelot on Nostr: fastingfatdentist ...
fastingfatdentist (npub1kd9…5l62)พอดีเพิ่งได้ฟังหมอบ่นเฟียตย้อนหลังมาแล้วมีประเด็นที่อยากจะ verify นิดหน่อย อันนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่คุณหมออ้างถึงอยู่ในประเด็นใหญ่อีกที ผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมเคยรู้ผมมันถูกไหม แต่ก็อยากจะนำเสนอสิ่งที่เคยได้เรียนรู้มา ถกเถียงกันได้ครับ
เรื่องจุดเตาอั้งโล่หรือต่อท่อไอเสียเข้าไปในรถที่ทำให้ตาย “คาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้ทำให้คนตาย” อันนี้ผมเห็นด้วย “การขาดออกซิเจนทำให้คนตาย” อันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่ “สาเหตุ” ที่ทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในร่างกาย ผมมีข้อโต้แย้งนิดหน่อย
ในการเผาไหม้ หรือการจุดเครื่องยนต์สันดาปภายในก็ตาม การเผาไหม้สมบูรณ์ 100% มันเกิดขึ้นได้ยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนน้อย ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ก็จะมีคาร์บอนไดออกไซด์บ้าง (CO2) คาร์บอนมอนออกไซด์บ้าง (CO) ตัว CO2 ไม่เป็นปัญหาเพราะร่างกายมี detector อยู่แล้ว ลองนึกถึงตอนเรากลั้นหายใจแล้วจะรู้สึกทรมาน ร่างกายทรมานเพราะปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูง ไม่ใช่เพราะปริมาณออกซิเจนที่ต่ำ ดังนั้นปริมาณ CO2 ที่สูงเกินไปในร่างกาย ร่างกายสามารถจัดการได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นก็คือคาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) เพราะฮีโมโกลบินมันจับกับคาร์บอนมอนออกไซด์ได้ดีกว่าออกซิเจน ดังนั้นถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี CO สูง มันก็จะไปแย่งจับฮีโมโกลบินแทนออกซิเจน จนสุดท้ายเลยทำให้ร่างกายมีออกซิเจนไม่พอ ที่สำคัญ CO ไม่มี detector เหมือนกับ CO2 ดังนั้นคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ CO สูงก็เลยตายเพราะขาดออกซิเจนจริง แต่อาจจะไม่ได้ขาดออกซิเจนเพราะออกซิเจนหมด แต่เพราะ CO เข้ามาแทนที่ออกซิเจนในร่างกาย ก็จะเคลิ้มหลับแล้วตายไปเลย
แต่จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าระหว่าง “ออกซิเจนหมด” กับ “CO poisoning” อันไหนมันมีผลกระทบเร็วกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ว่าหมอเอกอะไรนะครับ ชีวะในโรงเรียนผมก็ย่ำแย่มาก 555 แค่มีประเด็นที่พอจะจำได้มาเล่าเฉยๆ จริงๆผมก็อาจจะผิดก็ได้ ผมยังรักหมอเอกอยู่เสมอนะครับ ขอบคุณที่มาแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้ฟังทุกสัปดาห์นะครับ ❤️
Published at
2024-04-23 15:28:06Event JSON
{
"id": "a8826de9d43728d72f5a98a9555e361b11c2481be5046f7960a436b7baac727d",
"pubkey": "f4b1c4c51a0264a1a9a28a2e0d73aa4453d5800155833e2de5a99388f7431fb8",
"created_at": 1713886086,
"kind": 1,
"tags": [
[
"p",
"b34b440824d517ec4da6ac67f3197dbc9f03d82d70fdeb7f4b77909bacfb9667",
"",
"mention"
]
],
"content": "nostr:npub1kd95gzpy65t7cndx43nlxxtahj0s8kpdwr77kl6tw7gfht8mjensyh5l62\n\nพอดีเพิ่งได้ฟังหมอบ่นเฟียตย้อนหลังมาแล้วมีประเด็นที่อยากจะ verify นิดหน่อย อันนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่คุณหมออ้างถึงอยู่ในประเด็นใหญ่อีกที ผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมเคยรู้ผมมันถูกไหม แต่ก็อยากจะนำเสนอสิ่งที่เคยได้เรียนรู้มา ถกเถียงกันได้ครับ\n\nเรื่องจุดเตาอั้งโล่หรือต่อท่อไอเสียเข้าไปในรถที่ทำให้ตาย “คาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้ทำให้คนตาย” อันนี้ผมเห็นด้วย “การขาดออกซิเจนทำให้คนตาย” อันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่ “สาเหตุ” ที่ทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในร่างกาย ผมมีข้อโต้แย้งนิดหน่อย\n\nในการเผาไหม้ หรือการจุดเครื่องยนต์สันดาปภายในก็ตาม การเผาไหม้สมบูรณ์ 100% มันเกิดขึ้นได้ยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนน้อย ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ก็จะมีคาร์บอนไดออกไซด์บ้าง (CO2) คาร์บอนมอนออกไซด์บ้าง (CO) ตัว CO2 ไม่เป็นปัญหาเพราะร่างกายมี detector อยู่แล้ว ลองนึกถึงตอนเรากลั้นหายใจแล้วจะรู้สึกทรมาน ร่างกายทรมานเพราะปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูง ไม่ใช่เพราะปริมาณออกซิเจนที่ต่ำ ดังนั้นปริมาณ CO2 ที่สูงเกินไปในร่างกาย ร่างกายสามารถจัดการได้อยู่แล้ว\n\nแต่สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นก็คือคาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) เพราะฮีโมโกลบินมันจับกับคาร์บอนมอนออกไซด์ได้ดีกว่าออกซิเจน ดังนั้นถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี CO สูง มันก็จะไปแย่งจับฮีโมโกลบินแทนออกซิเจน จนสุดท้ายเลยทำให้ร่างกายมีออกซิเจนไม่พอ ที่สำคัญ CO ไม่มี detector เหมือนกับ CO2 ดังนั้นคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ CO สูงก็เลยตายเพราะขาดออกซิเจนจริง แต่อาจจะไม่ได้ขาดออกซิเจนเพราะออกซิเจนหมด แต่เพราะ CO เข้ามาแทนที่ออกซิเจนในร่างกาย ก็จะเคลิ้มหลับแล้วตายไปเลย\n\nแต่จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าระหว่าง “ออกซิเจนหมด” กับ “CO poisoning” อันไหนมันมีผลกระทบเร็วกว่ากัน\n\nอย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ว่าหมอเอกอะไรนะครับ ชีวะในโรงเรียนผมก็ย่ำแย่มาก 555 แค่มีประเด็นที่พอจะจำได้มาเล่าเฉยๆ จริงๆผมก็อาจจะผิดก็ได้ ผมยังรักหมอเอกอยู่เสมอนะครับ ขอบคุณที่มาแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้ฟังทุกสัปดาห์นะครับ ❤️",
"sig": "bab1f03052011d3ff128b2b33c22c44450e591dcbd1f14b6a3d47b916a1c5466dd2da1caa6101b29323034242db4e5b16aa0ac44264f5a18bdb045f864e831ef"
}