TMP on Nostr: ว่าด้วยเรื่องอาหารสัตว์ ...
ว่าด้วยเรื่องอาหารสัตว์ (ในความเห็นส่วนตัว)
ในที่นี่จะพูดถึงของสุนัขและแมวนะครับเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นที่จะกล่าวต่อไป ตัวอาหารสัตว์เองที่เป็น commercial diet ก็มีหลายประเภท ได้แก่
อาหารเม็ด : นิยมมากที่สุด เพราะ สะดวก ง่าย เก็บได้นาน
อาหารเปียก : จะมีความน่ากินสูง กินง่าย อร่อย แต่เก็บได้ไม่นาน
อาหาร homecooked : ดีที่เราออกแบบอาหารได้ แต่ก็แลกมากลับการใช้เวลาในการจัดการที่สูงกว่า
อาหารรักษาโรค : กินตามโรคที่เป็น ไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน
ประเภทอื่นๆ เช่น บาร์ฟ, ฟรีซดราย เป็นต้น ขอไม่ลงในรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ครับ
ต่อมาแล้วตัวอาหารสัตว์ตามท้องตลาด ก็จะมีหลายเกรด ที่เราพบเจอได้บ่อยๆ คือ มาตรฐาน, พรีเมี่ยม, โฮลิสติก วันนี้จะมาชวนดู ชวนคุยว่าเราควรจะเลือกยังไง ถ้าเราจะต้องเลือกซื้ออาหารสัตว์มาให้สัตว์เลี้ยงที่บ้านกินตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม
1.ไม่ว่าจะอาหารเกรดไหนก็ตาม ให้อ่าน“ฉลาก”หน้าหลังก่อนเสมอ ซองอาหารที่มีคำว่า “รส, flavour”เช่น รสตับ รสเนื้อ รสปลา รสไดโนเสาร์ ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีส่วนประกอบสิ่งนั้นๆอยู่ในส่วนประกอบเลยหรือถ้ามีก็จะน้อยมาก และอันที่น่ากลัวมากๆในความคิดของผมคือ“ผลพลอยได้จากสัตว์ปีก(by-product)” นั่นแหละครับ คิดว่าจะมีโอกาสได้โปรตีนคุณภาพจริงๆอยู่หรือไม่ การที่เคลมว่ามีโปรตีนไม่ต่ำกว่าเท่านี้ๆ มาจากตัวโปรตีนจริงๆหรือเปล่า? แล้วกลับกลายเป็นว่าสรุปคืออาหารมีแค่คาร์บไฮเดรตกับไขมันเป็นหลักแทน(ไม่รู้ว่าจะเป็นคาร์บหรือไขมันดีด้วยหรือเปล่า)อันนี้ผมฝากคำถามไว้ให้ทุกคนคิดกันต่อ
2.คำว่า อาหาร “โฮลิสติก(holistic)” เป็นเพียงแค่ market tools เพราะอะไร คำว่า โฮลิสติก แปลว่า องค์รวม, ความสมบูรณ์ etc เคยมีคนตั้งคำถามกับผมว่า โฮลิสติกคืออะไร แล้วถ้ามันมีความหมายแบบนี้ แล้วเราสุขภาพแข็งแรงปกติดี มีความปกติมากกว่าปกติมั้ย แล้วการที่เรากินอาหารปกติ ไม่ป่วย มันก็คือโฮลิสติกแล้วหรือไม่? การที่เราดูแลตัวเองแบบชาวเราทุกวันนี้ก็เรียกว่าโฮลิสติกได้แล้วหรือไม่? ในเมื่อนัยยะ หรือผลที่ต้องการแล้วไม่แตกต่างกัน
สุดท้ายไม่ได้จะโจมตีว่า commercial diet ไม่ดี ต้อง homecooked diet only ผมแค่จะมาชวนทุกคนคิดก่อนซื้อ เพราะ commercial diet ดีๆ ที่ตั้งใจทำก็มีเหมือนกัน ขนาดตัวเราเองเรายังต้องเลือก ต้องดูแลตัวเองเลย สัตว์เลี้ยงเราก็พูดเองไม่ได้ เดินไปซื้อข้าวกินเองไม่ได้ เลยอยากมาแชร์ว่ามันก็มีอะไรที่เราต้องรู้ ต้องระวังไว้บ้าง แต่ทั้งนี้ใครใคร่สะดวกแบบไหนก็ตามที่เราสะดวกนะครับเพราะแต่ละคนก็มี condition แตกต่างกัน มาแชร์ความเห็นและอยากให้ลองศึกษาเพิ่มเติมประกอบดูนะครับ ถือว่าเป็นการจุดประกาย อันนี้ก็แค่เป็นการแชร์มุมมองนึงของคนตัวเล็กๆคนนึง ที่ถ้าผมแชร์ที่อื่นน่าจะเรียกรถทัวร์มาได้แน่ๆ 🤣😂 don’t trust, verify
ปล FYI, DYOR
ปล2 แจ้งเป็นข้อมูลทั่วไปนะครับ ไม่ได้มีการชักจูงใดๆครับ
#siamstr
Published at
2024-09-20 05:16:52Event JSON
{
"id": "f6682d2e7e023acd6c05f49e228fe9cf013bde94ac6ed5af35581d2537f77936",
"pubkey": "c30d2acca0b9bd38427679d5e2cb940d29b7225e0d43ca8df3f15c1515955286",
"created_at": 1726809412,
"kind": 1,
"tags": [
[
"client",
"Wherostr",
"31990:3db5e1b9daa57cc6a7d552a86a87574eea265e0759ddeb87d44e0727f79ed88d:1697703329057"
],
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "ว่าด้วยเรื่องอาหารสัตว์ (ในความเห็นส่วนตัว)\nในที่นี่จะพูดถึงของสุนัขและแมวนะครับเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นที่จะกล่าวต่อไป ตัวอาหารสัตว์เองที่เป็น commercial diet ก็มีหลายประเภท ได้แก่\n\nอาหารเม็ด : นิยมมากที่สุด เพราะ สะดวก ง่าย เก็บได้นาน\nอาหารเปียก : จะมีความน่ากินสูง กินง่าย อร่อย แต่เก็บได้ไม่นาน\nอาหาร homecooked : ดีที่เราออกแบบอาหารได้ แต่ก็แลกมากลับการใช้เวลาในการจัดการที่สูงกว่า \nอาหารรักษาโรค : กินตามโรคที่เป็น ไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน\nประเภทอื่นๆ เช่น บาร์ฟ, ฟรีซดราย เป็นต้น ขอไม่ลงในรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ครับ \n\nต่อมาแล้วตัวอาหารสัตว์ตามท้องตลาด ก็จะมีหลายเกรด ที่เราพบเจอได้บ่อยๆ คือ มาตรฐาน, พรีเมี่ยม, โฮลิสติก วันนี้จะมาชวนดู ชวนคุยว่าเราควรจะเลือกยังไง ถ้าเราจะต้องเลือกซื้ออาหารสัตว์มาให้สัตว์เลี้ยงที่บ้านกินตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม\n\n1.ไม่ว่าจะอาหารเกรดไหนก็ตาม ให้อ่าน“ฉลาก”หน้าหลังก่อนเสมอ ซองอาหารที่มีคำว่า “รส, flavour”เช่น รสตับ รสเนื้อ รสปลา รสไดโนเสาร์ ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีส่วนประกอบสิ่งนั้นๆอยู่ในส่วนประกอบเลยหรือถ้ามีก็จะน้อยมาก และอันที่น่ากลัวมากๆในความคิดของผมคือ“ผลพลอยได้จากสัตว์ปีก(by-product)” นั่นแหละครับ คิดว่าจะมีโอกาสได้โปรตีนคุณภาพจริงๆอยู่หรือไม่ การที่เคลมว่ามีโปรตีนไม่ต่ำกว่าเท่านี้ๆ มาจากตัวโปรตีนจริงๆหรือเปล่า? แล้วกลับกลายเป็นว่าสรุปคืออาหารมีแค่คาร์บไฮเดรตกับไขมันเป็นหลักแทน(ไม่รู้ว่าจะเป็นคาร์บหรือไขมันดีด้วยหรือเปล่า)อันนี้ผมฝากคำถามไว้ให้ทุกคนคิดกันต่อ\n\n2.คำว่า อาหาร “โฮลิสติก(holistic)” เป็นเพียงแค่ market tools เพราะอะไร คำว่า โฮลิสติก แปลว่า องค์รวม, ความสมบูรณ์ etc เคยมีคนตั้งคำถามกับผมว่า โฮลิสติกคืออะไร แล้วถ้ามันมีความหมายแบบนี้ แล้วเราสุขภาพแข็งแรงปกติดี มีความปกติมากกว่าปกติมั้ย แล้วการที่เรากินอาหารปกติ ไม่ป่วย มันก็คือโฮลิสติกแล้วหรือไม่? การที่เราดูแลตัวเองแบบชาวเราทุกวันนี้ก็เรียกว่าโฮลิสติกได้แล้วหรือไม่? ในเมื่อนัยยะ หรือผลที่ต้องการแล้วไม่แตกต่างกัน\n\nสุดท้ายไม่ได้จะโจมตีว่า commercial diet ไม่ดี ต้อง homecooked diet only ผมแค่จะมาชวนทุกคนคิดก่อนซื้อ เพราะ commercial diet ดีๆ ที่ตั้งใจทำก็มีเหมือนกัน ขนาดตัวเราเองเรายังต้องเลือก ต้องดูแลตัวเองเลย สัตว์เลี้ยงเราก็พูดเองไม่ได้ เดินไปซื้อข้าวกินเองไม่ได้ เลยอยากมาแชร์ว่ามันก็มีอะไรที่เราต้องรู้ ต้องระวังไว้บ้าง แต่ทั้งนี้ใครใคร่สะดวกแบบไหนก็ตามที่เราสะดวกนะครับเพราะแต่ละคนก็มี condition แตกต่างกัน มาแชร์ความเห็นและอยากให้ลองศึกษาเพิ่มเติมประกอบดูนะครับ ถือว่าเป็นการจุดประกาย อันนี้ก็แค่เป็นการแชร์มุมมองนึงของคนตัวเล็กๆคนนึง ที่ถ้าผมแชร์ที่อื่นน่าจะเรียกรถทัวร์มาได้แน่ๆ 🤣😂 don’t trust, verify\n\nปล FYI, DYOR\nปล2 แจ้งเป็นข้อมูลทั่วไปนะครับ ไม่ได้มีการชักจูงใดๆครับ\n#siamstr",
"sig": "e7634b5f002302c388a8ec00be26f53ab87d62e11aa3d1fd3d1db5b790a0e00e8860a38f04503cf85998c94fb4eaa9e15083a7fcfefc4daf8125dbc18b1ba5b0"
}