ใครเคยฟังเพลงนี้บ้าง “ไถ่เธอคืนมา” พงษ์สิทธิ์ คำภีร์
โอเคมาจะเล่าอะไรให้ฟัง เพราะผมพึ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อนายพลกับคืนหายนะ(ยังอ่านไม่จบ) ซึ่งเป็นเรื่องสั้น 8 ตอน และผมก็ได้ลองเสิร์ชชื่อ ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี
ซึ่งใช่ครับ งานวิทยานิพนธ์ส่วนใหญ่ มาจากคณะสังคมศาสตร์ หรือ ชาวบิตคอยเนอร์จะรู้จักในนาม “คณะมาร์กซิส” ซึ่งใน The Fiat Standard ทาง Saifedean Amous เรียกชื่อคณะนี้ว่าคณะเปลืองทรัพยากรเอาเวลาไปศึกษาอะไรที่ไร้สาระ แถมยังใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย คนก็พากันเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในระบบเฟียตๆ เพราะคิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงสังคม
คำตอบคือพวกเค้าแทบจะเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองยังไม่ได้…
มาว่ากันต่อ เรื่องดอสโตเยฟสกี หากใครศึกษาวรรณกรรมรัสเซีย ดอสโตเยฟสกีเป็นคนหนึ่งที่เราควรศึกษา โดยดอสโตเยฟสกีนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้นักคิดฝ่ายซ้าย แต่เค้าแทบไม่สนใจแม้กระทั่ง คาร์ลมาร์ก บุรุษในยุคเดียวกันกับเค้า ซึ่งโตมาในระบอบสังคมนิยมยูโทเปีย
ดอสโตเยฟสกี แท้จริงแล้วรังเกียจเดียฉาน พวกมีแนวคิดหัวก้าวหน้า โดยเค้านั้นกลับรักพระเจ้าซาร์ที่เคยเกือบสั่งประหารชีวิตเค้าสุดหัวใจ
ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพวก มาร์กซิส มันไปเอาแนวคิดอะไรมาวิเคราะห์ซึ่งมันแทบไม่ได้อะไรเลย
เมื่อคุณอ่านงานของ โดสโตยเยฟสกี เค้าพูดถึงพระเจ้า และพระเจ้านี่แหละที่เค้ารักและเทิดทูน ท่ามกลางชีวิตอัปยศของเค้า นักเขียนผู้นี้มีลายเซ็นกับตัวละครของเค้า ไม่ว่าจะเป็น ราสโคลนิคอฟ ซึ่งมีพื้นฐานจากเด็กยากจนที่เค้ามาเรียนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ตรงนี้ถ้าตามเนื้อเรื่อง เหล่านักศึกษามาร์กซิส ก็จะพากันโจมตีระบบทุนนิยมและบอกว่า เพราะอีป้าร้านขายของชำมันเลว มันกดขี่ข่มเหงคนอื่น ถ้าไม่มีระบบทุนนิยม ราสโคลนิคอฟ คงเรียนกฏหมายและเป็นคนดี
นั่นแหละประเด็น หรือ อย่างบันทึกใต้ถุนสังคม ที่ตัวละครเอกพร่ำเพ้อพรรณณา เมื่อใครได้อ่านสิบบทแรก ที่คือคำถามของตัวละครเอกจะต้องขนลุก ขนพอง มันคือคำทำนาย และใช่แล้วว่า ธรรมชาติของมนุษย์ยังเป็นเหมือนเดิม พวกเค้าจะพยายามไม่เป็นเพียงคีย์เปียโน
แต่ทุกประเด็นและเหล่ามาร์กซิสทั้งหลายจะรังเกียจหนังสือเรื่องคืนสีขาวมาก
คืนสีขาว WhiteNight พูดถึงชายหนุ่มนักฝันที่ได้พบเข้ากับนางในฝัน โดยเวลาทั้งสี่คืนนั้นที่เค้าดื่มด่ำกับความฝัน เพื่อหวังจะพบรักแท้ และคำถามชวนอึ้งที่ชวนหลุดจากความฝัน ว่าเราควรทำยังไงดี
เช่นกันครับเพลงเพื่อชีวิตหลายๆเพลงสะท้อนความเป็นจริง ซึ่งเราเรียกมันว่าความเป็นจริงทางสังคม
เพลงไถ่เธอคืนมา พูดถึงหญิงสาววัย 15 ปี ที่ออกมาขายตัวอยู่สุไหงโกลก โดยเพลงนี้ชายหนุ่มได้พร่ำเพ้อถึงการที่เค้าจะทำนา(พวกคอมมิวนิสจะชอบใช้สัญลักษณ์ชนชั้นกรรมมาชีพเพื่อบอกเล่าความลำบากของการเกษตรกรรม) และการตัดสินใจของพ่อแม่เด็กที่บัดซบ เพื่อการใช้หนี้ให้กับตัวเอง
ฟังดูแล้วสังคมน่าสงสารใช่ไหมครับ เพราะปัจจุบันนี้เราก็จะยังเห็นอยู่ ตามตู้กระจก หรือ ร้านลับๆ ริมวงเวียนสวนสาธารณะต่างๆ
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เหล่าสังคมมาร์กซิสรับกันไม่ได้ แต่ถ้าคุณบอกว่า หากฉันอยากทำอาชีพค้าบริการในระบบเสรี พวกเค้าก็จะปราบปรื้มและอ้างว่า นี่คือสิทธิ์พลเมือง เราควรมีเซ็กเวิร์คเกอร์
ดังนั้นการมีอยู่ของรัฐจึงสร้างความรับผิดชอบให้กับสังคมด้วยการออกกฏหมาย
ในมุมมองดอสโตเยฟสกี เค้าจะไม่มองไปที่กฏหมายแต่จะดำเนินไปด้วยผู้คนและปัจเจก คือการดิ้นรนเพื่อไปสู่สิ่งที่มีความหมาย ในสภาวะที่ยากลำบาก ในสถานะการณ์ที่เป็นสถานการณ์ระยะสั้น ตัวเด็กอาจจะต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใหญ่บางคน
และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเค้าคือหลักความดีงาม ทางศาสนา ซึ่งดูไม่เกี่ยวกัน แต่ความดีงามและความศรัทธาที่มีในอดีตนี่แหละครับ คือค่านิยมแห่งคุณงามความดี ที่สามารถสะท้อนผ่านปัจเจก
ใช่ครับ ตัวศาสนานี่แหละคือแก่นแท้ ที่ไม่บิดเบี้ยว ได้กล่าวถึงคุณลักษณะของความจริงเท็จ ระหว่างปัจจุบันและอนาคตเอาไว้ และละทิ้งความเศร้าไว้เพียงอดีต
เราจะก้าวข้ามพ้นมันไปได้ยังไงคือความสำคัญของคำถาม ดั่งเช่นตัวละครนักฝันในคืนสีขาวที่อยู่ในสภาวะนิ่งสนิทและหลุดออกมาอยู่ในความเลวทราม
ทุกอย่างในโลกนั้นล้วนเกี่ยวข้องกันทางจิตวิญญาณแห่งความดีและความต่ำช้า นี่คือสิ่งที่ไม่เกินจริง สิ่งนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่า สภาวะทางสังคม มันยิ่งใหญ่เกินสิ่งที่เคยได้ทำในอดีต และมันจะยิ่งใหญ่เมื่อความดีงามนั้นเปี่ยมล้นด้วยตัวปัจเจกเอง
ดังนั้นสภาวะทางสังคม หรือ ตัวสังคมไม่สามารถตอบคำถามของปัจเจกชนได้ดี มากกว่าจิตวิญญาณของพวกเค้า
ขอให้ฟังเพลงด้วยความเข้าใจ
https://youtu.be/se61jl0fRUA?si=PYbRvp8LEEAjir6r
#siamstr #musicstr