เสียงในหัว กับตัวเรา เป็นคนละคนกัน สิ่งที่เราเชื่ออาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด กรอบความคิดของเรา ถูกสร้างมานานแล้ว เราเลยไม่ทันได้คิดว่าความคิดและการกระทำเหล่านั้น อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจได้เช่นกัน
หากพูดถึงวิถีชีวิตของคนทั่วไปในยุคสมมัยนี้ รวมถึงตัวเราเองด้วยนั้น คงหนีไม่พ้นการที่เราต้องตื่นขึ้นมา แล้วก็ต้องกินมื้อเช้า ออกจากบ้านไปทำหน้าที่ของตนเอง ถึงเวลาก็กินมื้อเที่ยง แล้วก็รอจนถึงช่วงเย็น แล้วกลับบมาวนลูปเดิมซ้ำ ๆ ….
การเดินทาง
ผมได้มีโอกาสไปออกทริปเชียงใหม่
จากคำชวนของรุ่นพี่ในกลุ่มขับรถ
และมันเป็นที่ที่เปลี่ยนมุมมองของ วิถีชีวิต
ที่นี่ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากผ่านถนนตัดผ่านภูเขาอันแสนคดเคี้ยว และยาวไกล ผ่านถนนสายฝาง จากทางเชียงราย ผ่านอำเภอไชยปราการ ลัดไปทางสามแยกด่านแม่จา แล้วมุ่งเข้าเวียงแหง ที่แห่งนี้เป็นที่ราบแอ่งเล็ก ๆ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา และป่าต้นน้ำ ขับรถขึ้นไปทางเหนืออีกนิดจะเป็นฝั่งพม่า มีชุมชนชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก ในแถบบ้านเปียงหลวง
มาถึงเมืองแหง
คนที่นี่เริ่มได้รับผลกระทบจากระบบ Fiat บ้างแล้ว แต่ราคาปุ๋ยอาจจะแพงเกินไปเนื่องจากการขนส่งค่อนข้างลำบาก เพราะถนนหนทางนี่โหดน้อง ๆ เมืองปายกันเลย การปลูกพืชเชิงเดี่ยวจึงยังมีไม่มาก แต่ก็เริ่มมีการเผาที่ปลูกข้าวโพดกันบ้าง
ถึงอย่างนั้นก็มีกลุ่มคนที่ยังใช้วิถีชีวิตดั้งเดิมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะอากาศที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นซักเท่าไหร่ ตอนที่ผมมาที่นี่เป็นช่วง ฤดูหนาวพอดี กว่าจะมีแดดก็ 10 - 11 โมงกันเลย อากาศค่อนข้างเย็นประมาณ 8 - 20 °C ตลอดทั้งวัน
ที่ที่พวกผมมา เป็นบ้านของรุ่นพี่คนนึงต่อไปนี้ขอเรียกว่าพี่คิว ซึ่งอยู่ในกลุ่มขับรถด้วยกัน ตอนที่มาถึงก็ยังไม่ทันได้พัก ก็เตรียมของกินของใช้ เพื่อจะไปที่หมายต่อไป พวกเราขับรถเข้าป่าไปประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมง ไม่มีสัญญาณมือถือ ไม่มีไฟฟ้า และก็มาถึงจุดหมายสำคัญ น้ำตกแม่หาด มาถึงก็ตั้งแคมป์กันริมน้ำ ก่อไฟ ทำกับแกล้ม 😉 เมาอยู่ในป่า โดยที่ไม่ต้องรู้อะไรเลยว่าโลกนี้เกิดอะไรขึ้นซักวันสองวัน
ก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ…
วิถีชีวิตที่แตกต่าง
หลังจากเหล้าหมดแล้ว เราก็เก็บของเก็บขยะ และกลับลงมาที่บ้านของพี่คิว เรามาถึงที่นี่ก็เกือบเย็นแล้ว จึงหากับข้าวมื้อเย็น แล้วก็เมากันต่ออีกคืน 😆
ผมได้ตื่นเช้าในวันต่อมา พร้อมกับเห็นเด็ก ๆ เดินบ้างปั่นจักรยานบ้าง ไปโรงเรียนกัน แต่ที่แปลกคือ บ้านนี้ยังไม่มีใครตื่นซักกะคน มีเพียงคนดูแลสวนที่เพิ่งไปส่งลูกกลับมา แล้วต้มน้ำกัญชาร้อน ๆ ิให้ผมจิบผิงไฟ ในตอน 8 โมงเช้า ผมนี่ค่อนข้างหิวแล้วเวลานี้ และเพื่อนร่วมทริปคนอื่น ๆ ก็เริ่มตื่นกันแล้ว เลยถามพี่แกไปว่า “เรากินข้าวกันเมื่อไหร่พี่”
พี่แกยิ้ม แล้วบอกผมว่า “หิวละกา บ้านนี้กินสองมื้อ 11 โมงกับ 6 โมงแลง” ผมจึงเออออไปแล้วกลับมานั่งผิงไฟ พร้อมกับเล่นมือถือต่อ เวลาผ่านไป คนอื่น ๆ ก็เริ่มตื่นขึ้นจน 9-10 โมง พี่คิวตื่นมาและไปอาบน้ำทันที ผมมองมือถือ อากาศ 12 °C “เฮ้ยพี่ บ้าป่าวอาบน้ำอากาศแบบนี้ ผมนี้ไม่กล้าอาบ 55555555”
หลังจากนั้นเราก็มาช่วยกกันทำกับข้าว สายแข็งก็จะมีกึ๊บกันแต่เช้ากันเลย ที่น่าสนใจคือบ้านนี้จะกินข้าวกันพร้อมทุกคน มีทั้งคนแก่ เด็ก และกินกันมื้อใหญ่มาก อาหารหลากหลายเมนูกองอยู่แต็มโต๊ะ ขั้นที่ว่า เลือกกินไม่ครบกันเลย หลังจากอิ่มกันแล้วก็มานั่งผิงไฟกันต่อซักพัก วางแผนเส้นทางที่จะกลับ
ฉุกคิด
ผมกลับมาคิดว่า นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมกันพ่อแม่พี่ตายาย ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ ผลาญพลังชีวิต เพื่อชดใช้หนี้สินจากนาข้าว และฟาร์มไก่เนื้อ จากสวนลำใย ถูกโค่นถอนกลายเป็นสวนยางพารา
หรือว่าชีวิตที่ใช้อยู่จะผิดไป ที่ดินเหล่านี้สามารถเอาไปสร้างคุณค่าที่ดีกว่านี้ได้ไหม บางทีการมารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วถกปัญหา ต้นตอสาเหตุ และทำความเข้าใจกันซักครั้ง แต่มันก็ทำยากเหลือเกิน
และผมก็ไม่ได้สนิทกับพวกเขาขนาดนั้น…