Why Nostr? What is Njump?
2023-10-25 18:26:05

npub1tp…v3tp3 on Nostr: เกี่ยวกับเรื่อง “เวลา” ...

เกี่ยวกับเรื่อง “เวลา”

พระอรหันต์ บุคคลผู้หลุดพ้นแล้ว เห็นอย่างถูกต้อง จึงไม่ยึดถือ อดีต กับ อนาคต แม้กระทั่งปัจจุบัน

ตัวอย่างง่ายๆ ที่จะต้องสังเกตดูให้ดีว่า โดยที่แท้นั้นเราไม่สามารถรู้จักอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ได้เลย เราไม่อาจรู้จักสิ่งที่เป็นปัจจุบันได้ ถ้าสิ่งนั้นไม่กลายเป็นอดีตไปเสียก่อน เหมือนอย่างว่า..เมื่อตาเห็นรูป เช่น เห็นดอกไม้ดอกหนึ่ง จิตใจต้องรับอารมณ์(รูป,สี)เสร็จแล้ว ภาพที่เห็นนั้นเป็นอดีตไปแล้ว เราจึงจะรู้ว่าเป็นดอกไม้ดอกหนึ่ง เช่น ดอกกุหลาบดอกหนึ่ง เป็นต้น

ถ้าไม่เป็นอดีตไปเสียก่อน จิตใจก็ไม่มีทางจะรู้ว่ามันเป็นอะไร เพราะเหตุฉะนั้น ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เรารู้ไม่ได้ รู้สึกไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ เพราะว่าเราไม่อาจจะรู้จักสิ่งใดได้ โดยที่สิ่งนั้นไม่เปลี่ยนเป็นอดีตไปเสียก่อนนั่นเอง ต้องเป็น “ขณะจิต” ในอดีตเสียก่อน จึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร เราจึงไม่อาจจะสัมผัสปัจจุบันได้

ส่วนเวลาที่เรียกว่า “อนาคต” ก็ยังไม่มา ส่วนอดีตก็ล่วงลับไปแล้ว เราก็ไม่ได้รับอะไรเลย แม้แต่ที่เป็น”ปัจจุบัน” #ถ้าใครมองเห็นอย่างนี้ก็เรียกว่ารู้จักเวลาอย่างถูกต้อง คือเวลาในภาษาธรรมะ ซึ่งไม่อาจจะแบ่งเป็นวินาที นาที เดือน ปีอะไรได้เลย มันเป็นกระแสอันหนึ่งซึ่งคงที่ จนกล่าวได้ว่า ไม่มีเบื้องต้น ไม่มีเบื้องปลาย ไม่มีท่ามกลาง

สิ่งที่เรียกว่า “เวลา” นั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่าตั้งต้นเมื่อไหร่ มากี่กัปกี่กัลป์แล้ว จะไปสิ้นสุดเมื่อไหร่ อีกกี่กัปกี่กัลป์ แล้วในขณะปัจจุบันของมัน เราก็แตะต้องมันไม่ได้ เพราะต้องเป็นอดีตไปเสียก่อนทุกที จึงจะรู้สึกขึ้นในใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร

เมื่อตาเห็นรูปก็ดี เมื่อหูฟังเสียงก็ดี เมื่อจมูกได้กลิ่นก็ดี ลิ้นได้รสก็ดี กายได้สัมผัสทางผิวหนังก็ดี หรือใจคิดนึกอะไรก็ดี “ขณะจิต”แห่งอดีตเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร ขณะเป็นปัจจุบันนั้นบอกให้ไม่ได้เพราะเร็วเกินไป เพียงขณะจิตเดียวก็เป็นอดีตเสียแล้ว ขณะจิตที่กระทบอารมณ์นั้นบอกอะไรไม่ได้ จนกว่าเป็นขณะจิตที่เสวยอารมณ์เสร็จแล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นก็เป็นอดีตไปแล้ว ดังนี้ เป็นต้น

ท่านลองเปรียบเทียบดูว่า คนไหนโง่หรือคนไหนฉลาดกว่ากัน

คนที่เห็นเวลาเป็นอย่างนี้อย่างนั้น เป็นอดีต เป็นอนาคต เป็นปัจจุบัน จนปัญหาเกิดขึ้นนั้น ก็ต้องมีความทุกข์เป็นธรรมดา ส่วนพระอรหันต์นั้น ฉลาดจนไม่มีอดีต อนาคต ปัจจุบัน อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ไม่ถือเอาไว้ที่ส่วนสุดทั้งสอง และทั้งไม่ถือเอาไว้ที่ตรงกลาง” นั่นคือ “ความไม่ยึดถือ” เป็นบุคคลผู้หลุดพ้นแล้ว ไม่ยึดถือส่วนทั้งสอง คืออดีตกับอนาคต ส่วนข้างต้นเรียกว่า”อดีต” ส่วนข้างปลายเรียกว่า”อนาคต” นี้ก็ไม่ยึดถือ แล้วก็ไม่ยึดถือแม้กระทั่งส่วนตรงกลาง คือ “ปัจจุบัน” อย่างนี้เรียกว่า “ไม่มีการยึดถืออะไร” และเป็นพระอรหันต์เพราะรู้จักเวลาอย่างถูกต้องเช่นนี้

แต่คนธรรมดาสามัญทำอย่างนี้ไม่ได้ ทำไม่เป็น ดังนั้น จึงต้องสอนกันอีกอย่างหนึ่ง อีกแนวหนึ่ง คือ ให้รู้จักจัดการเกี่ยวกับเวลา ว่า..อย่างไรเป็นอดีต อย่างไรเป็นอนาคต อย่างไรเป็นปัจจุบัน แล้วก็ให้จัดการกับปัจจุบันให้ถูกต้อง อย่าไปมัวห่วงเรื่องอดีต อนาคต ให้ฟุ้งซ่าน แต่ให้สนใจกับปัจจุบัน คือสิ่งที่จะต้องทำเฉพาะหน้า ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ในวันนี้ ให้ถูกต้อง อย่างนี้คนธรรมดาก็บรรเทาความทุกข์ไปได้มาก

แต่ถ้าคนธรรมดาสามัญนั้น มองเห็นปัจจุบันที่ลึก(ซึ้ง)ขึ้นไปอีก จนกระทั่ง(ปัจจุบัน)ไม่มีแล้ว #คนธรรมดาสามัญนั้นก็กลายเป็นพระอริยเจ้าไปด้วยเหตุนี้.

พุทธทาสภิกขุ ๑ มกราคม ๒๕๑๐ ธรรมบรรยายเรื่อง “เรามากินเวลากันเถิด” จากหนังสือ “ภาษาคน-ภาษาธรรม”

“กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา โย กาลฆโส ภูโต ส ภูตปจนึ ปจิ

กาลเวลา ย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ พร้อมทั้งตัวของมันเอง ผู้ใดกินกาล ผู้นั้นชื่อว่าเผาสิ่งที่เผาสัตว์ กาลเวลาทำให้อายุ ผิวพรรณ ของสัตว์ทั้งหลายสิ้นไปเสื่อมไป ตัวมันเองก็ล่วงไปด้วย พระอรหันต์ ชื่อว่า ผู้กินกาล เพราะไม่มีปฏิสนธิกาลในอนาคต เป็นผู้ทำลาย หรือคายโอกาสในการเกิดใหม่ สิ่งที่เผาสัตว์ คือกิเลส มีราคะ เป็นต้น อันพระขีณาสพเผาเสียแล้ว”

ปปัญจสูทนี อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปริยายสูตร

#truthbetold #psychology #mindset #time

Author Public Key
npub1tpfhxey838ewx37gygt94w2dps4tkju9dkgglmmkz7paquzmfwzsav3tp3