Why Nostr? What is Njump?
2024-05-19 09:18:40

SiamstrUpdate on Nostr: ![image]() # ...

image

เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของเรา ในยุคคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร?

ในปัจจุบัน ชีวิตของเราถูกเฝ้าสังเกตในหลากหลายรูปแบบ: ทุกธุรกรรมจากบัตรเครดิตจะถูกบันทึกลงในฐานข้อมูล การโทรถูกบันทึกโดยบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์และนำไปใช้เพื่อทำการตลาดให้กับตัวเอง ธนาคารถ่ายสำเนาเช็คและเก็บรวบรวมเอาไว้ และ ด้วยเทคนิคการ “จับคู่” ใหม่ๆ ก็ทำให้การรวบรวมข้อมูลจากหลายฐานข้อมูลนั้นสามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราได้มากขึ้น เมื่อฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบโทรศัพท์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์มากขึ้น การเฝ้าสังเกตและติดตามก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

โดยส่วนใหญ่แล้ว ทางแก้ปัญหาที่ถูกนำเสนอขึ้นมา มักจะเกี่ยวข้องกับการมีบทบาทที่มากขึ้นของรัฐบาล หนึ่งในข้อเสนอนั้นคือ การผ่านกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดการใช้ข้อมูล: “ข้อมูลจะไม่สามารถนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์เดิมที่เก็บรวบรวมมา” ดังนั้น ข้อมูลรายได้ที่ธนาคารเก็บรวบรวมจากการติดตามกิจกรรมบัญชีเงินฝาก จะไม่สามารถเปิดเผยให้กับบริษัทที่รวบรวมรายชื่อผู้ติดต่อ(Mailing list companies) ข้อมูลทางโทรศัพท์จะไม่สามารถขายให้กับบริษัทการตลาดทางโทรศัพท์ได้ ฯลฯ

นี่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ดีนัก ด้วยหลายๆสาเหตุ รัฐบาลมักจะไม่มีประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ความง่ายในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล ทำให้เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับใช้กฎหมายลักษณะนี้ อีกทั้งรัฐบาลเองก็มีแนวโน้ม ที่จะยกเว้นตัวเองจากกฎหมายที่ร่างขึ้น เช่น แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ กรมสรรพากรจะยินยอมสละสิทธิ์ การใช้เทคนิคการจับคู่ฐานข้อมูล ซึ่งใช้สำหรับติดตามผู้หลีกเลี่ยงภาษี แน่นอนว่า แนวคิดในการพยายามจำกัด การใช้ข้อมูลจำเป็นต้องมีข้อจำกัดที่เข้มงวด สำหรับการกระทำการส่วนตัวของบุคคล ซึ่งผู้สนับสนุนแนวคิด Extropians* นั้นยอมรับไม่ได้ *หนึ่งในชุมชนออนไลน์เก่าแก่ คล้ายกับ Cypherpunks

แต่ก็มีทางเลือกอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชื่อ David Chaum จากศูนย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ ที่กังวลกับปัญหานี้ มองหาทางแก้ไขแบบพ่อปกครองลูกจากรัฐบาล แต่ Chaum กลับค่อยๆ วางรากฐานด้านเทคนิค สำหรับวิธีการจัดระเบียบข้อมูลทางการเงินและข้อมูลส่วนบุคคลของเราในรูปแบบใหม่ แทนที่จะพึ่งพากฎหมายใหม่และรัฐบาลมากขึ้น Chaum มองหาทางออกทางด้านเทคนิค และทางออกเหล่านี้ต้องพึ่งพาศาสตร์โบราณที่ทุ่มเทให้กับการรักษาความลับของข้อมูลนั่นคือ ศาสตร์การเข้ารหัส หรือ Cryptography

ศาสตร์การเข้ารหัส (Cryptography) ศิลปะแห่งการเขียนความลับ นั้นได้รับการปฏิวัติในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปฏิวัติที่จุดประกายโดย การประดิษฐ์ศาสตร์การเข้ารหัส “Public-key” นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ได้ต่อยอดออกไปในทิศทางต่างๆมากมาย โดยอาศัยเทคโนโลยีนี้ เพื่อผลักดันขอบเขตของความลับและความเป็นส่วนตัวไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ การประยุกต์ใช้ศาสตร์การเข้ารหัสในรูปแบบใหม่นั้น ให้ความหวังว่ามันจะสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายที่กล่าวถึงข้างต้นได้

แนวทางของ Chaum ในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว สามารถแบ่งออกเป็น 3 Layers Layers แรกคือ Public-key cryptography ซึ่งจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อความ แต่ละรายการ Layers ที่สองคือ Anonymous messaging ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถสื่อสารผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และ Layers ที่สามคือ Electronic money ซึ่งจะทำให้ผู้คนสามารถไม่เพียงแค่สื่อสารระหว่างกันได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยความเป็นส่วนตัวได้ในระดับเดียวกันกับการใช้เงินสด

หากคุณเข้าไปในร้านค้าและซื้อสินค้าด้วยเงินสด จะไม่เหลือบันทึกใด ๆ ที่ผูกมัดคุณกับการทำธุรกรรม เมื่อไม่มีบันทึก ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องนำเข้าไปในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ เป้าหมายของ Electronic money คือการอนุญาตให้ธุรกรรมส่วนตัวประเภทเดียวกันนี้ (การทำธุรกรรมคล้ายการใช้เงินสด) เกิดขึ้นได้บนระบบอิเล็กทรอนิกส์

(ยังมีข้อเสนออื่นๆ สำหรับ “เงินอิเล็กทรอนิกส์” ที่ไม่ได้ให้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของบุคคลมากนัก ข้อเสนอของ Chaum มีเจตนาที่จะรักษาคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวของเงินสด ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะเรียกว่า “เงินสดดิจิทัล” แต่ตัวเลือกอื่นๆของเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไม่เพียงขาดความเป็นส่วนตัว แต่เอื้อต่อการเฝ้าติดตามทางคอมพิวเตอร์ โดยการนำข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้นไปบันทึกในฐานข้อมูล และหันเหผู้คนไปจากการใช้เงินสด หากคุณได้พบเจอเงินอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ให้ตรวจสอบดูว่า ระบบมีความสามารถในการรักษาความเป็นส่วนตัวของธุรกรรมทางการเงินแบบเดียวกับที่เงินสดทำได้อยู่หรือไม่ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล)

จากบทความต้นฉบับ Protecting Privacy with Electronic cash by Hal Finney แปลและเรียบเรียงโดย Siamstr Update ตีพิมพ์ในนิตยสาร Extropy Magazine ปี 1993

Author Public Key
npub1y5sl0yd5x9vkavc5vchwttn9k6rdwc3lgxge3v2ky54pzr8epvmsreghv6